Categories
series

ตัวอย่างแรกซีรีส์ Moon Knight

ออสการ์ ไอแซค เป็นฮีโร่หลากบุคลิกในตัวอย่างแรกซีรีส์ Moon Knight

ปล่อยออกแล้วสำหรับตัวอย่างแรกจาก Moon Knight ซีรีส์เรื่องแรกของปี 2022 จาก MCU หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ปล่อยทีเซอร์เรียกน้ำย่อยออกมา ซึ่งนอกจากปล่อยตัวอย่างแล้ว Marvel ยังประกาศวันฉาย โดยเตรียมออนแอร์ให้ได้ชมกันในวันที่ 30 มีนาคมนี้ที่ Disney+

โดย MoonKnight เป็นซีรีส์ฮีโร่สายดาร์ค ที่ว่าด้วยเรื่องราวของ มาร์ค สเปคเตอร์ (ออสการ์ ไอแซค) ทหารรับจ้างที่ได้รับพลังวิเศษจากเทพเจ้าคนสุดท้ายหรือเทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ของอียิปต์ หลังจากนั้น สเปคเตอร์ก็เริ่มมีอาการแปลก ๆ เหมือนว่าเขามีหลายบุคลิกในร่างเดียว

และในช่วงเวลากลางคืนเขาจะกลายร่างเป็นฮีโร่ร่างสีเทา ออกไล่ล่าผู้คน และนอกจาก ไอแซค ที่มารับบท MoonKnight แล้ว ซีรีส์ยังได้ อีธาน ฮอว์ค (Before Sunset) มารับบทเป็น วายร้ายหลักของเรื่องอีกด้วย

ไอแซค-ที่มารับบท-MoonKnight
ไอแซค-ที่มารับบท-MoonKnightเป็นซีรีส์จาก Disney

ความน่าสนใจของ MoonKnight คือนี่เป็นการเปิดตัวฮีโร่ Marvel ตัวใหม่ผ่านรูปแบบของซีรีส์ครั้งแรก พร้อมทั้งยังมาในสไตล์ของแอนติฮีโร่ แบบเดียวกับ Venom ซึ่งเรื่องนี้ ออสการ์ ไอแซค ก็ต้องรับบทคนหลายบุคลิก ที่เราคาดเดาไม่ได้เลยว่าเขาจะมีกี่คาแรคเตอร์ในร่างเดียว

ส่วนฉากแปลงร่างในตัวอย่างแรกอาจยังไม่ได้เผยโฉมให้เห็นมากนัก ซึ่งก็ต้องรอดูกันในตัวอย่างสุดท้าย หรือในซีรีส์เต็ม ๆ เลย ส่วนบท อีธาน ฮอว์ค ก็มาให้เห็นเล็กน้อยในบทผู้นำลัทธิปริศนา ที่ยังคาดเดาไม่ได้ว่าความสามารถของเขาคืออะไร

อีธาน-ฮอว์ค-Before-Sunset-มารับบทเป็น-วายร้ายหลักของเรื่องอีกด้วย
อีธาน-ฮอว์ค มารับบทเป็น-วายร้ายหลักของเรื่อง

ตัวซีรีส์ได้ เจเรมี สเลเตอร์ (ซีรีส์ The Exorcist) รับหน้าที่โชว์รันเนอร์ นำทีมกำกับโดย จัสติน เบนสัน (Archive81), แอร่อน มัวร์เฮด (Sychronic) และ ผู้กำกับชาวอียิปต์ โมฮาหมัด เดียบ มารับหน้าที่กำกับทั้ง 6 Ep. พร้อมร่วมด้วย จอร์จ คลูนีย์ (The Midnight Sky)

ส่วนนักแสดงนอกจากจะได้ ไอแซค และ ฮอว์ค มารับบทนำแล้ว ยังสมทบด้วย กัสปาร์ด อุลลิแอร์ (Hannibal Rising) และ เมย์ คารามาวี่ (ซีรีส์ Brave)

นอกจากMoonKnightแล้ว ในปี 2022 นี้ MCU ยังมีซีรีส์ฮีโร่เตรียมให้ได้ชมอีกหลายเรื่อง และส่วนใหญ่คือการเปิดตัวฮีโร่ใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Ms.Marvel, She-Hulk และเรื่องราวที่ขยายจากจักรวาลหลักอย่าง I Am Groot, Secret Invasion ซึ่งทุกเรื่องจะออนแอร์ให้ชมใน Disney+ Hotstar

ซีรีส์ Moon Knight มีกำหนดฉาย 30 มีนาคมนี้ ที่ Disney+ Hotstar

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง

Cr.ภาพ: Disney+

Categories
series

รีวิวซีรีส์ Move to Heaven: ซีรีส์เกาหลี เรียกน้ำตาแห่งปี

Move to Heaven: ซีรีส์เกาหลี เรียกน้ำตาแห่งปี ที่สอนให้คุณรู้จักคุณค่าของชีวิต และความสวยงามของความตาย

ผลงานซีรีส์ Original Netflix เรื่องล่าสุดของเกาหลี ที่ทำมาเพื่อเรียกน้ำตาคนดูตั้งแต่ชื่อเรื่อง พร้อมประเด็นของซีรีส์ที่หยิบเรื่องสัจธรรมอย่างความตายมานำเสนอ ซึ่งแน่นอนว่างานดราม่า ที่พูดถึงความหมายของชีวิตแบบนี้เมื่อเป็นการเล่าเรื่องแบบเกาหลี มันยิ่งทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีความน่าดึงดูดเป็นพิเศษกว่าเรื่องอื่น ๆ

Move to Heaven
Move to Heaven

ซีรีส์จะเล่าเรื่องราวของบริษัทเก็บกวาดที่เกิดเหตุที่มีชื่อว่า Move to Heaven โดยหน้าที่ของบริษัทนี้คือการเก็บกวาดสถานที่ที่พึ่งมีคนตาย เพื่อทำการขนย้ายข้าวของ และให้ความเคารพคนตายครั้งสุดท้าย ก่อนจะนำสิ่งของเหล่านั้นไปมอบให้คนที่สมควร

Move to Heaven
Move to Heaven

เหตุการณ์ในเรื่องเริ่มขึ้นเมื่อ ฮันกือรู (ทังจุนซัง) ชายหนุ่มวัย 20 ที่เป็นเด็กออทิสติก ผู้มีความสามารถพิเศษในการจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ ต้องสูญเสียพ่อ ผู้เป็นเจ้าของบริษัทไปจากโรคหัวใจ ทำให้ กือรู ต้องรับหน้าที่สืบทอดงานต่อจากพ่อ พร้อมทั้งจู่ ๆ เขาก็ได้กับ โชซังกู (อีจีฮุน) ชายผู้เป็นอาของเขา ที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน

ด้วยความที่ ซังกูเคยติดคุกมา และมีบุคลิกที่ต่างกับพ่อของ กือรู โดยสิ้นเชิง ทั้งสองเลยต้องปรับตัวเข้าหากัน และทำหน้าที่ในการช่วยเหลือการย้ายข้าวของคนตายต่อไป ซึ่งงานนี้ก็ได้ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงชีวิตของ ซังกู โดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว

Move to Heaven
Move to Heaven

Move to Heaven เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์ที่มีความเป็นโฆษณาประกันชีวิตสูงมาก ด้วยประเด็นที่พูดเรื่องความตาย ความไม่แน่นอนของชีวิต แต่ละตอนของซีรีส์จะเต็มไปด้วยแง่คิดที่พยายามบอกทุกคนที่ดูว่า ให้ดูแลคนรอบข้างให้ดีที่สุดก่อนที่จะไม่มีโอกาสนั้น ทั้งนี้ก็ต้องขอชื่นชมทีมผู้สร้าง ที่สามารถทำให้คนดูได้เสียน้ำตา หรือได้ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

โดยซีรีส์จะใช้วิธีการเล่าเรื่องที่แบ่งเป็นสองเส้นเรื่องที่ดำเนินไปแบบควบคู่กัน เส้นเรื่องหลักจะพูดถึงความสัมพันธ์ของ กือรู และซังกู รวมถึงคนรอบข้าง ซึ่งเนื้อหาจะโฟกัสไปที่เรื่องราวของอาหลานต่างขั้ว ที่มีทั้งโมเมนต์ดราม่า และคอเมดี้ผสมกันไป

ส่วนเส้นเรื่องลองคือเหล่าลูกค้า ที่มาขอความช่วยเหลือให้ทาง กือรู และซังกูไปเก็บกวาดของให้ ซึ่งแต่ละตอนของซีรีส์ก็จะเล่าชีวิตของคนที่ตายที่แตกต่างกันไป อย่างไรก็ตามทั้งสองเส้นเรื่องนี้ก็ยังอยู่ภายใต้หัวข้อของคุณค่าของชีวิต และการยอมรับความตายที่นอกจากจะเป็นการสูญเสีย มันก็ยังเป็นการส่งต่อความทรงจำ ความรู้สึกดี ๆ ให้คนรอบข้าง

Move to Heaven
Move to Heaven

อีกหนึ่งเสน่ห์ และสีสันของซีรีส์เรื่องนี้คือการเล่นกับตัวละครกือรู ได้อย่างคุ้มค่า โดยตัวกือรูคือเด็กที่มีความสามารถพิเศษ ในการจดจำสิ่งต่าง ๆ และเชื่อมโยงกันได้ ทำให้เวลาที่เราดูการย้อนอดีตชีวิตของคนตายจากการรวบรวมสมบัติข้าวของ ทำให้เหมือนเรากำลังดูซีรีส์สืบสวนสนุก ๆ อยู่ก็ว่าได้

ด้านนักแสดงเรียกได้ว่าทุกคนตั้งแต่นักแสดงหลัก จนถึงนักแสดงสมทบ ต่างถ่ายทอดบทบาทออกมาได้อย่างน่าชื่นชม ทังจุนซัง สามารถแสดงเป็น กือรู ออกมาได้น่าจดจำตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เห็นตัวละครนี้ แถมยังเป็นตัวที่ช่วยแบกซีรีส์เรื่องนี้ไว้ ควบคู่ไปกับ อีจีฮุน ที่เป็นทั้งตัวฮา ตัวช่วยเสริมดราม่า ให้เส้นเรื่องหลักของซีรีส์มีหัวจิตหัวใจมากขึ้น

แต่หากให้ว่าถึงข้อเสียของ Move to Heaven ก็คือความเป็นสูตรสำเร็จของซีรีส์เกาหลีที่ยังพยายามขยี้ดราม่าแบบเดิม ๆ ให้คนดูได้เสียน้ำตาในบางช่วง ใครที่ดูซีรีส์เกาหลีมาโชกโชนน่าจะพอเดาเนื้อเรื่องได้บ้าง แต่อย่างไรก็ตามหากมองโดยภาพรวมจุดด้อยตรงนี้ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ หรือบาดแผลที่เลวร้ายมาก

Move to Heaven
Move to Heaven

โดยรวม Move to Heaven ถือว่าเป็นอีกหนึ่งซีรีส์เกาหลีน้ำดีบน Netflix ที่ลงตัวทั้งด้านประเด็นของเนื้อหา บท รูปแบบการนำเสนอ และการแสดง เป็นซีรีส์ที่ดูแล้วคุณจะได้รับแง่คิดดี ๆ ในการใช้ชีวิต และเห็นความสำคัญของสิ่งของ และคนรอบข้าง พร้อมทั้งยังสอนให้เรามองเห็นว่า แท้ยังแล้วยังความสวยงามของความตาย ที่มีมากกว่าความเศร้า และการสูญเสีย

ตัวอย่าง Move to Heaven

ติดตามอัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์

Cr.ภาพ: Netflix Thai

Categories
series

You Are My Hero

You Are My Hero ซีรีส์จีน ความจิ้นนี้อยากให้มีในไทยบ้าง

ถ้าเป็นซีรีส์เรื่องของคนมีสีกับคุณหมอ ก็คงนึกถึง Descendant Of The Sun ที่เป็นเรื่องทหารที่ทำหน้าที่ในต่างประเทศที่แร้นแค้นกับคุณหมอที่ส่งมาจากเกาหลีใต้เพื่อช่วยภารกิจ ซึ่งทำเรตติ้งถล่มทลายมากเลยล่ะ

แต่ในซีรีส์เรื่องนี้ You Are My Hero ฝั่งจีนก็ไม่น้อยหน้า เพราะเป็นเรื่องของตำรวจที่เป็นหน่วยสวาท (SWAT ของจีน) กับคุณหมอสาวสวยที่พล็อตเรื่องที่ใครๆ มองว่าคล้ายกัน แต่ผู้เขียนมองว่าค่อนข้างต่างกัน เพราะเนื้อเรื่องจะมุ่งไปทางในเมืองตั้งแต่ต้นจนจบมากกว่าที่จะสลับสถานที่เหมือนฝั่งเกาหลีใต้เสียอีก แต่จะว่าไปคู่พระนางเคมีเข้ากันมากเลยทีเดียว

You Are My Hero ความจิ้นนี้อยากให้มีในไทยบ้าง
You Are My Hero

ใครที่ได้ดูจะนึกถึงบท “คุณหมอหมีข่า” กับ “ผู้กองสิง เค่อเล่ย” ที่เป็นตัวชูโรงของซีรีส์เรื่องนี้ จุดที่น่าสนใจและแตกต่างกันจากของ Descendant Of The Sun ตรงที่ พระเอกกับนางเอกแอบชอบกันตั้งแต่ครั้งแรก

แต่ด้วยภารกิจและหน้าที่ของหน่วยสวาท ที่จะต้องปกปิดใบหน้าและชื่อตัวเองเพื่อความปลอดภัย รวมถึงห้ามปฏิสัมพันธ์กับใคร ระหว่างภารกิจนี้ ถ้ามองในชีวิตจริงก็อยากให้ตำรวจเป็นมิตรกับหมอเหมือนในซีรีส์นี้จริงๆ แต่ถ้าไม่ติดเรื่องดราม่าตำรวจเจ้าชู้ กับตำรวจถูกบงการในช่วงสลายม็อบ ชีวิตจริงก็น่าอิจฉามากเลยล่ะ

ตัวผู้กองสิง เค่อเล่ยที่รับบทโดย “ไป่ จิงถิง” ที่สลัดคราบนักร้อง แรปเปอร์มาเป็นตำรวจสุดเท่เป็นกัปตันหน่วยคอมมานโดที่อายุน้อยที่สุดอีกด้วย ส่วนคุณหมอหมีข่า รับบทโดย “หม่า ซื่อชุน” เป็นคุณหมอแสนสวยที่กลัวความสูง

You Are My Hero ความจิ้นนี้อยากให้มีในไทยบ้าง

ในซีรีส์เรื่อง You Are My Hero เผยให้เห็นว่า ฉากหนึ่งเธอถูกจับเป็นตัวประกันโดยอาชญากรในการปล้นธนาคาร และได้รับการช่วยเหลือโดยบังเอิญจากกัปตัน SWAT ที่มีชื่อว่า “สิง เค่อเล่ย” ทั้งสองแอบชอบกันและประทับใจตำรวจหน่วย SWAT อย่างมากตั้งแต่นั้นมา ซึ่งทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย จนกระทั่งสองปีต่อมา เขาและเธอได้พบกันอีกครั้งในการฝึกกู้ภัยฉุกเฉินซึ่งจัดโดยทีมตำรวจพิเศษร่วมกับของโรงพยาบาล

ในระหว่างการปฏิบัติการกู้ภัยหลายครั้ง เธอค่อยๆ ได้รับความสนใจจากความอบอุ่นและความแข็งแกร่งของคุณตำรวจคนนี้เข้า จนเธอตกหลุมรักเขาในที่สุด

You Are My Hero ความจิ้นนี้อยากให้มีในไทยบ้าง
You Are My Hero

กระแสซีรีส์ You Are My Hero คุณคือป้อมปราการของฉัน ยังคงเป็นซีรีส์ที่ครองใจผู้ชมคนไทยมากที่สุด รวมถึงผู้ชมจากประเทศอื่นๆ ในโซนเอเชียและอาเซียนอีกด้วย เนื้อเรื่องที่ใครๆ อยากให้มีในชีวิตจริง และหวังว่าจะได้มีคนหล่อๆ สักคนออกมาจากในซีรีส์เพื่อมาคู่กันในชีวิตจริงอย่างที่ใจหวัง ผู้เขียนก็ชอบการถ่ายทอดบทบาทรวมถึงการแสดงทั้งตัวหลักและตัวรองสามารถถ่ายทอดออกมาได้ดีเยี่ยมเลยทีเดียว และการทำการบ้านทำได้ดีกว่าที่คาดค่อนข้างมากเลยล่ะ

You Are My Hero

Cr. Croton MEGA HIT

ติดตามอัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์

Categories
series

Snow Queen ซีรีส์พีเรียด

series-nime.com มารีวิว Snow Queen ซีรีส์พีเรียดว่าด้วยเรื่องของหน้าที่กับหัวใจ

ถ้ามีซีรีส์จีนแนวประวัติศาสตร์กับจารชนเข้ามาผสมผสานกัน ผู้เขียนยกนิ้วให้กับเรื่อง “The Snow Queen” หรือ “ราชินีหิมะ” เรื่องราวจะออกแนวบางระจันในไทยผสมกับหนึ่งด้าวฟ้าเดียวเข้ามาด้วย จึงค่อนข้างแหวกแนวในเรื่องของประวัติศาสตร์จีนมากพอสมควร แต่เรื่องราวนี้ขอสปอยล่วงหน้าเลยว่า…มันเศร้ามาก แต่มันเศร้าแบบ Make Sense อยากรู้ไหมว่าเพราะอะไร ผู้เขียนจะขอรีวิวซีรีส์เรื่องนี้จากการดูผ่านบทความนี้ให้ทุกคนได้อ่านกัน ซึ่งได้ดูแล้วต้องบอกว่ากินใจคนดูมากพอสมควร เพราะซีรีส์เรื่องนี้ออกอากาศมานานถึง 50 ตอนแล้วในปี 2018 ของสถานีเจียงซูด้วยนะ

the snow queen ราชินีหิมะ ซีรีส์ประวัติศาสตร์
The Snow Queen ราชินีหิมะ ซีรีส์จีน แนวประวัติศาสตร์

เรื่องราวของ The Snow Queen จะมุ่งไปในทางกรณีมุกเดน ที่มีข้อพิพาทระหว่างฝั่งกองทัพจีนกับกองทัพแมนจู (กองทัพราชวงศ์ชิงในยุคนั้น) หรือช่วงนั้นอยู่ภายใต้การยึดครองของญี่ปุ่น แล้วแมนจูเป็นรัฐหุ่นเชิด จึงทำให้ “กู้ เจ้าหลง” เป็นจารชนไปแฝงตัวในกลุ่มพวกแมนจู ซึ่งเป็นคนรักของ “กู้ เสวี่ยอิง” นางเอกของเรื่องที่เป็นลูกบุญธรรมของสกุลกู้ ที่เป็นคนที่รักใคร่ชอบพอกับพระเอกมานาน

แต่ก็มีแอบรักอีกคนอยู่บ้างเนื่องจากเพื่อแผนการโจมตีพวกแมนจู เนื้อเรื่องแม้จะมีบางซีนที่บีบอารมณ์สุดๆ ระหว่างพระเอกกับนางเอก ที่ต่างคนต่างอยู่คนละฝั่ง เหมือนเส้นขนาน บวกกับเท่าที่ผู้เขียนดูมันให้น้ำหนักทางแนวปฏิวัติ ต่อต้านสงครามระหว่างจีนกับญี่ปุ่น แถมมีบางมุมที่เสียดสี กับความเชื่อความนิยมของคนจีน คนแมนจู และคนญี่ปุ่นในยุคนั้นได้แบบแสบคันพอสมควร

the snow queen ราชินีหิมะ ซีรีส์ประวัติศาสตร์
The Snow Queen ราชินีหิมะ ซีรีส์จีน แนวประวัติศาสตร์

นางเอกของเรื่องสวยน่ารักมาก ที่รับบท “กู้ เสวี่ยอิง” โดย “เร่ออีจา” หรือ “Rayzha Alimjan” เป็นดาราจีนเชื้อสายคาซัก มีความน่ารักสดใสแต่แข็งกร้าวในขณะเดียวกันได้ลงตัว ส่วนพระเอกที่รับบทเป็น “กู้ เจ้าหลง” รับบทโดย “กัว ผิ่นเชา” พระเอกหนุ่มชาวไต้หวันที่รับบทเรื่องนี้ แล้วมีดาราหลายคนร่วมแสดงอย่างคับคั่ง แล้วในเรื่องก็มี “ต้าตง Fahrenheit” หรือ “หวัง ตงเฉิง” ร่วมเล่นด้วยในฝั่งนางเอก (ต้าตงเป็นเพื่อนกัว ผิ่นเชาในชีวิตจริงด้วยแหล่ะ และสนิทสนมไม่แพ้ปีเตอร์ โฮ ด้วย)

ตอนจบที่ผู้เขียนมองว่า…ควรเป็นเช่นนั้นเพราะมันไม่ได้แบบ Happy Ending อย่างที่ทุกคนเข้าใจ ภาพที่ติดตาผู้เขียนที่สุดก็คงไม่พ้นคนจีนฆ่ากันเอง เนื่องจากต่างเป็นเหยื่อทางการเมืองนี่แหล่ะ สิ่งเหล่านั้นเลยหล่อหลอมให้เกิดความขัดแย้งทางความคิด จนต้องกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวในที่สุด

the snow queen ราชินีหิมะ ซีรีส์ประวัติศาสตร์
The Snow Queen ราชินีหิมะ ซีรีส์จีน แนวประวัติศาสตร์

เมื่อความลับรั่ว และคนที่เป็นเหมือนหนอนบ่อนไส้ (พระเอกของเรื่องก็เช่นกัน) ที่ใครเป็นหนอนบ่อนไส้ต้องถูกกำจัด อีกซีนที่น่าจดจำคงไม่พ้นตอนจบตรงที่นางเอกต้องกลับทางเหนือไปอย่างเดียวดาย ไม่มีพระเอกอยู่เคียงข้างอีกแล้ว จึงทำให้เข้าใจทันทีว่าสงครามทำให้หลายชีวิตต้องพลัดพรากเสมอ

ติดตามอัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com

Categories
anime

อนิเมะ One Piece พากย์ไทยได้ไปต่อ

ถ้าพูดถึงการ์ตูนหรืออนิเมะจากประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ในประเทศไทยรวมไปถึงทั่วทั้งโลก One Piece

One Piece ก็เป็นอนิเมะเรื่องหนึ่งที่ต้องถูกนึกถึงขึ้นมาอย่างแน่นอนเลยทีเดียว เรื่องราวการผจญภัยของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางที่มีเป้าหมายในการตามหาสมบัติลับวันพีชยังคงเป็นที่ติดตามของใครหลาย ๆ คน โดย One Piece พากย์ไทยนั้นได้มีการออกอากาศในช่อง iTV เมื่อ 16 ปีที่ผ่านมา และปัจจุบันเรื่องราวการตามหาสมบัติลับก็ยังไม่ถึงจุดสิ้นสุดและกำลังดำเนินเรื่องได้อย่างเข้มข้นเลยทีเดียว

อนิเมะ One Piece
อนิเมะ One Piece

ในปัจจุบันนี้ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ค่อยได้เห็น One Piece ออกอากาศทางทีวีแล้ว แต่ว่า One Piece พากย์ไทยก็ยังอยู่กับคออนิเมะ One Piece อยู่เสมอโดยออกฉายในช่องของ LINE TV รวมไปถึง การ์ตูนคลับ และเรื่องราวกำลังอยู่ในช่วงที่เข้มข้นมากเลยทีเดียว แต่ว่าเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาก็ได้มีข่าวร้ายเกี่ยวกับ One Piece พากย์ไทย

โดยเจ้าของลิขสิทธิ์อย่างการ์ตูนคลับได้ออกมาประกาศว่า One Piece พากย์ไทยนั้นจะไม่ได้ไปต่อแล้วจะสิ้นสุดการพากย์ไทยที่ตอน 892 ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของภาคเกาะโฮลเค้ก ซึ่งนั่นก็ทำให้แฟน One Piece หลายคนตกอกตกใจไม่ใช่น้อย และการประกาศครั้งนี้มีเหตุผลมาจากการถูกละเมิดลิขสิทธิ์นั่นเอง

อนิเมะ One Piece
อนิเมะ One Piece

ในตอนนี้อนิเมะOne Piece ได้มีการดูเถื่อนกันอย่างแพร่หลายทำให้ยอดของคนดูที่คอยติดตามชม One Piece ในช่องทางที่ถูกลิขสิทธิ์นั้นลดลง และถึงแม้ว่าในช่องทางถูกลิขสิทธิ์น้ำจะมีคนดูลดลงมากเพียงใดก็ตามแต่ว่าเจ้าของลิขสิทธิ์อย่างการ์ตูนคลับก็พยายามที่จะสนับสนุนต่อจนกระทั่งจนจบภาคโฮลเค้ก และในภาควาโนะคุนิ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบันนี้จะไม่มีพากย์ไทยให้ติดตามชมแล้ว

ท่ามกลางความตกอกตกใจของแฟน One Piece พากย์ไทยจะไม่ได้ไปต่อ ก็มีอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยเหลือOne Piece พากย์ไทยเอาไว้โดยช่อง 7 และ DEX จะสานต่อความตั้งใจของการ์ตูนคลับโดยการนำวันOne Piece ภาควาโนะคุนิมาฉายต่อทีวีช่อง 7 ช่วงเช้าเวลา 07:00 น ถึง 8:00 น วันเสาร์และอาทิตย์

อนิเมะ One Piece
อนิเมะ One Piece

เรียกได้ว่าเป็นข่าวที่ดีที่สุดของแฟน One Piece พากย์ไทยเลยก็ว่าได้ เพราะว่า One Piece ในภาควาโนะคุนิ เป็นภาคที่จะมีสงครามครั้งใหญ่เกิดขึ้นระหว่างกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางและกลุ่มพันธมิตรที่จะต้องเผชิญหน้า 4 จักรพรรดิอย่างไคโด และที่สำคัญเลยก็คือเนื้อหาในภาควาโนะคุนินั้นจะเป็นเนื้อหาที่ส่งไม้ต่อไปยังช่วงปลายของอนิเมะเรื่อง One Piece แล้ว ดังนั้นเรื่องราวในภาควาโนะคุนินี้ถึงมีความสำคัญมากกับอนาคตของอนิเมะ One Piece

สำหรับใครที่เป็นแฟนลูฟี่หมวกฟางก็อย่าลืมมาติดตามชม One Piece พากย์ไทยแบบถูกลิขสิทธิ์ได้ทางช่อง 7 ทุกเช้าวันเสาร์อาทิตย์นะครับ โดยจะเริ่มออกอากาศในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป

Cr. ข้อมูลจาก ไทยรัฐ, The Standard , Wallpaperaccess ,Teahub.io ,Wall.alphacoders

Categories
series

Ever Night (สยบฟ้าพิชิตปฐพี)ทั้ง 2 ภาค

ซีรีส์จีนแฟนตาซีที่ไม่ควรพลาดสำหรับเรื่อง Ever Night หรือชื่อไทยชื่อว่า “สยบฟ้าพิชิตปฐพี”

คอซีรีส์จีนแฟนตาซีไม่ควรพลาดสำหรับเรื่อง Ever Night หรือชื่อไทยชื่อว่า “สยบฟ้าพิชิตปฐพี” ที่ทำมาสองภาคแล้ว เป็นเรื่องแรกที่ดูแล้วรู้สึกอลังการงานสร้างสูสีกับดาบมังกรหยกอย่างมาก ซึ่งได้นำนิยายออนไลน์ที่มียอดผู้ติดตามมาสร้างเป็นซีรีส์ แล้วผลตอบรับกลับมารู้สึกว่ายอดเยี่ยมมากทั้งสองภาคเลยล่ะ

Ever Night สยบฟ้าพิชิตปฐพี

แต่มันก็มีความดูแล้วไปสุดบ้างไม่สุดบ้างในทั้งสองภาคของ Ever Night เลยทีเดียว เนื้อเรื่องจะเป็นตัวพระเอกที่ครอบครัวถูกฆ่า แล้วมีชีวิตรอดคนเดียว เป้าหมายในชีวิตของตนที่มีคือการแก้แค้นคนที่ทำให้ครอบครัวต้องตาย ส่วนเรื่องความสวยหล่อ ซีรีส์เรื่องนี้จัดว่าครบสูตรที่ทำมาสองภาคแล้ว เป็นเรื่องแรกที่ดูแล้วรู้สึกอลังการงานสร้างสูสีกับดาบมังกรหยกอย่างมาก

ซึ่งได้นำนิยายออนไลน์ที่มียอดผู้ติดตามมาสร้างเป็นซีรีส์ แล้วผลตอบรับกลับมารู้สึกว่ายอดเยี่ยมมากทั้งสองภาคเลยล่ะ แต่มันก็มีความดูแล้วไปสุดบ้างไม่สุดบ้างในทั้งสองภาคของ Ever Night เลยทีเดียว

เนื้อเรื่องจะเป็นตัวพระเอกที่ครอบครัวถูกฆ่า แล้วมีชีวิตรอดคนเดียว เป้าหมายในชีวิตของตนที่มีคือการแก้แค้นคนที่ทำให้ครอบครัวต้องตาย ส่วนเรื่องความสวยหล่อ ซีรีส์เรื่องนี้จัดว่าครบสูตร

Ever Night สยบฟ้าพิชิตปฐพี

น้ำหนักของเรื่องนี้ออกไปทางแฟนตาซีสูงมาก แถมสนุกมากด้วยเช่นกัน เรื่องในซีรีส์นี้มีจุดเริ่มต้นของเรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง เมื่อครอบครัวหนึ่งถูกสังหารอย่างไม่ยุติธรรมโดยนายพลผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง (เรียกว่าร้ายกาจเอาเรื่อง) มีเพียงเด็กหนุ่มชื่อหนิงเชวี่ย (พระเอกของเรื่อง) เท่านั้นที่รอด

อยู่มาวันหนึ่งเขาช่วยชีวิตเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งชื่อว่า ซังซัง เพื่อให้เธอรอดพ้นจากความตาย ตั้งแต่วันนั้นทั้งสองคนก็แยกจากกันไม่ได้เหมือนปาท่องโก๋ แต่จะว่าไปซังซังน่ารักอย่างนี้กินเหล้าเก่งมาก แต่ไม่เมา (ถ้าชีวิตคนจริงๆ นี่ซ่าแค่ไหนก็จอด) มีสิ่งที่น่าสังเกตระหว่างตัวพระเอกทั้งสองภาคจะมีความต่างกันทั้งที่เป็น “หนิงเชวี่ย” ทั้งคู่

Ever Night สยบฟ้าพิชิตปฐพี

โดยภาคแรกเป็นของ “เฉิน เฟยยวี่” ภาคสองเป็นของ “หวัง เฮ่อตี้” จุดแตกต่างมันชัดตรงที่การถ่ายทอดของตัวละครนี่แหล่ะ ตัวภาคแรกจะให้แววตาที่มีความอาฆาตมาดร้ายมากกว่าภาคสอง เพราะในเรื่องจะเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นที่เสียครอบครัวไป

แต่ภาคสองจะให้ความขบถมากกว่าภาคแรก จะออกไปทางกวนๆ แต่ฉากหวานๆ เยอะมาก และออกไปทางกุ๊กกิ๊กสมัยปัจจุบันเสียอีก ส่วนนางเอกทั้งสองภาคสวยจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น “ซ่ง อี้เหริน” นางเอกผู้หน้าเด็กตลอดกาลกับ “หยาง เชาเยว่” แห่งวง Rocket Girl 101 อันนี้ยอมรับเลยทีเดียวว่าสวยมาก แต่ไม่น่าเปลี่ยนตัวละครบ่อยเลย แต่ก็เข้าใจว่าเป็นเหตุผลที่ทีมงานมองว่าสมควรแล้วล่ะ แล้วพระเอกภาคแรกเรียนต่อด้วย

Ever Night สยบฟ้าพิชิตปฐพี

ส่วนคนที่ไม่ต้องเด่นแต่ Air Time เยอะที่สุดคงไม่พ้นศิษย์พี่รอง “เฉิง จุนโม่” ที่รับบทโดย “กัว ผิ่นเชา” พระเอกฝั่งไต้หวันที่มาในมาดดุดัน แต่มีความพ่อพระในที ซึ่งเป็นหนึ่งใน 12 ศิษย์แห่งสำนักที่อยู่ในกลุ่ม “ผู้รู้ชะตา” ซึ่งเป็นขั้นสูงมากในเรื่อง แหม…ซีนคุณเด่นทุกซีนจริงๆ การถ่ายทำจะถ่ายในแถบซินเจียง และกุ้ยโจว เพราะเมืองเหล่านี้เหมาะกับซีนแฟนตาซีค่อนข้างมาก แล้วนักแสดงสามารถใส่ได้เต็มที่ไม่มีกั๊ก ซีรีส์เรื่องนี้เหมาะมากที่จะดูได้ทุกเพศทุกวัยจริงๆ

Cr. We TV Thailand

ติดตามอัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์

Categories
series

Falling Into You ความฝันที่เป็นจริงได้ด้วยรัก

มีไหมที่คนเราถ้าความฝันมืดดับลง จะมีใครสักคนกู้ความฝันที่พับเก็บไว้นั้นกลับมาด้วยความรักอีกครั้ง ก็คงได้นึกถึงซีรีส์เรื่อง Falling Into You ซีรีส์ไต้หวันที่โด่งดังมากในปี 2020

มีนักแสดงที่เป็นแม่เหล็กของวงการไต้หวันมาเป็นคู่พระนางในเรื่องนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น “หวัง ตงเฉิง” หรือ “ต้าตง ฟาเรนไฮต์” รับบทเป็นซีอีโอสุดกวนที่มาพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสและโรคกลัวเลือดตั้งแต่เด็ก และ “กัว เสวี่ยฝู” หรือ “ฟัฟ กัว” ที่สลัดลุคสาวหวานขวัญใจหนุ่มๆ กลายเป็นสาวห้าวนักกีฬาเทควันโด เรื่องราวจะเป็นยังไงต้องเรียกว่าน่าสนใจมากและมีความมีเค้าชีวิตจริงมากพอสมควร

Falling Into You

จุดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้ที่มีถึง 13 ตอน โดยจุดเริ่มแรกก็มาจาก “เฉิน จื้อถง” นางเอกของเรื่องที่รับบทโดย “กัว เสวี่ยฝู” เป็นนักกีฬาเทควันโดที่เป็นเป้าหมายในการไปโอลิมปิกซึ่งเป็นตัวแทนของทีมชาติไต้หวัน ถูกเพื่อนรักและคนรักตีท้ายครัว จนเธอสติหลุดแล้วเป็นฝ่ายแพ้ แพ้ก็ว่าเจ็บใจแล้วยังแพ้พร้อมกับอาการเอ็นไขว้หน้าขาด

และผู้เป็นแม่ ที่เป็นโค้ชของเธอ ไม่ให้โอกาสเธอกลับไปแก้มืออีกเพราะความรับไม่ได้เรื่องการใช้อารมณ์ และใจพะวงกับคนรักของตนเอง จึงเป็นสาเหตุที่ความเชื่อมั่นในตัวลูกสาวลดลง

Falling Into You
Falling Into You

และหนึ่งปีต่อมาเธอทำหน้าที่เป็นพนักงานส่งเอกสาร ของไต้หวันจะเป็น GoGo Van ซึ่งเป็น Startup ที่โด่งดังมากที่ทำหน้าที่คล้ายๆ กับ Grab ในบ้านเรานั่นเอง เธอทำงานหนักเพื่อที่จะหาเงินเพื่อผ่าตัดเอ็นไขว้หน้า และกลับมาซ้อมอีกครั้ง จนได้มาเจอกับพระเอก “ฟาง จือเชิง” ที่รับบทโดย “หวัง ตงเฉิง” ช่วยลูกน้องที่กำลังจะฆ่าตัวตายเนื่องจากการถูกกลั่นแกล้งในที่ทำงาน แล้วพระเอกกับนางเอกมักจะมีเรื่องไม้เบื่อไม้เมากันเสมอด้วยความที่พระเอกขี้เก๊ก แถมปอดแหก กับนางเอกที่ขวานผ่าซาก

แต่เรื่องนี้ต้องบอกก่อนว่ามีความเกี่ยวข้องในทางจิตวิทยาสูงมากทั้งจิตวิทยาคนทั่วไปและนักกีฬา ซึ่งพระเอกเป็นโรคกลัวเลือดเนื่องจากเห็นภาพการตายของพ่อตัวเอง กับนางเอกที่เปลี่ยนจากคนสดใสกลายเป็นคนเงียบขรึมจนไม่ปฏิสัมพันธ์กับคนในที่ทำงานเลย

Falling Into You

กว่าพระนางจะรักกันได้เรียกได้ว่าฟินจิกหมอนไม่น้อยเลยทีเดียว และเริ่มพัฒนาซีรีส์ให้มีนางเอกแกร่งมากขึ้น ส่วนคู่ที่ขาดไม่ได้เลยก็คงเป็นคู่รองอย่าง “เฉิน เทียนลิน” พี่ชายของนางเอกที่เป็นนักข่าว รับบทโดย “เดสมอนด์ ตัน” นักแสดงชาวสิงคโปร์ และ “ฟาง ชิง” อาของพระเอกที่เป็นคุณครู มีพี่ชายนางเอกเป็นรักเดียวในชีวิตที่รับบทโดย “จาง เปิน หยู” นักแสดงสาวไต้หวัน

ที่มาช่วยสร้างสีสัน สร้างเสียงหัวเราะกันทั่วหน้า ส่วนใครสนใจอยากดูแนะนำดูที่ Line TV ไต้หวันได้ทันที เพราะมาในรูปแบบของซีรีส์ผ่านแอป ซึ่งจะไม่มีพากย์ไทยเลยล่ะ แต่ความสนุกรับรองแน่นอน

#ซีรีส์ไต้หวัน #series #series-nime.com

Categories
series

รีวิวซีรีส์ Mare of Easttown

รีวิวซีรีส์ Mare of Easttown: อีกหนึ่งซีรีส์สืบสวนที่ดีที่สุดของปี 2021 ที่มาพร้อมการสืบสวนสุดเข้มข้น ดราม่าที่ชวนบีบอารมณ์ และสะท้อนสังคมได้อย่างตรงไปตรงมา

HBO เรียกได้ว่าเป็นช่องที่ผลิตซีรีส์น้ำดีมาให้คอซีรีส์ได้ชมมากที่สุดช่องหนึ่งก็ว่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอนเทนต์ประเภท Limited Series ที่ล้วนแต่การันตีคุณภาพตั้งแต่ทีมผู้สร้าง นักแสดงนำ

ไปจนถึงเนื้อหา ไม่ว่าจะเป็น The Brand of Brothers , The Night Of , Chernobyl , I Know This Much Is True

สำหรับในปี 2021 นี้ HBO ก็มี Mare of Easttown อีกหนึ่ง Limited Series ดราม่า สืบสวนสอบสวน ที่ได้ แบรด อิงเกลบี้ มือเขียนบทจาก The Way Back มารับหน้าที่สร้างสรรค์

Mare of Easttown เป็นซีรีส์ที่ว่าด้วยเรื่องราวของเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในเพนซิลเวเนีย ที่ได้เกิดโศกนาฎกรรมขึ้น เมื่อได้มีวัยรุ่นสาวคนหนึ่งได้ถูกฆาตกรรม โดยศพของเธอได้ถูกทิ้งในสภาพเปลือยกายบริเวณแม่น้ำของเมือง แมร์ (เคท วินสเลต)

เจ้าหน้าที่สืบสวนผู้มีอดีตที่เลวร้าย ต้องเข้ามารับหน้าที่สืบคดีนี้ ซึ่งหลังจากที่ แมร์ เริ่มทำการสืบสวนเธอก็ได้พบว่าผู้ต้องสงสัยล้วนแต่เป็นบรรดาคนบ้านใกล้เรือนเคียงที่เธอคุ้นเคย นอกจากนี้ แมร์ ก็ยังต้องทำการสืบสวนคดีการหายตัวไปของเด็กสาว ที่เธอไม่สามารถปิดมันได้มาร่วมปี พร้อมทั้งเธอยังต้องพยายามก้าวผ่านอดีตที่เลวร้ายของตัวเองอีกด้วย

Mare of Easttown

สำหรับ Mare of Easttown เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์ที่เต็มไปด้วยสไตล์งานที่โดดเด่นของ HBO ไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการที่สร้างตัวละครหลักที่มีปมปัญหากับชีวิต ความเป็นสีเทาของผู้คนที่ไม่มีคนดี หรือคนเลว 100% รวมถึงการเล่าเรื่องที่เนิบช้า เน้นดราม่านำ และสืบสวนตาม ทำให้ความสนุกของซีรีส์เรื่องนี้ชวนให้เรานึกถึงซีรีส์ True Detective ซีซั่น 1 ที่ถูกยกให้เป็นงานมาสเตอร์พีซอีกเรื่องของช่องนี้

Mare of Easttown

ซีรีส์ไม่ได้พยายามยัดเยียดความเป็นหนังสืบสวนตั้งแต่ตอนแรก โดยเริ่มต้นซีรีส์จะใช้วิธีการเล่าแบบค่อย ๆ ปูเรื่องจากการแนะนำตัวละคร และความสัมพันธ์ต่าง ๆ ที่จะกลายเป็นปมที่ชวนติดตามในตอนต่อ ๆ ไป

หลังจากที่เข้าสู่ตอนที่สองเป็นต้นไปซีรีส์ก็ค่อย ๆ ทวีคูณความน่าติดตาม ความสนุก แบบไล่ระดับ ด้วยการปูคาแรคเตอร์ที่แข็งแรง ชัดเจน พร้อมทั้งการวางปม ปริศนาต่าง ๆ ให้คนดูได้ร่วมปะติดปะต่อ

ในขณะเดียวกันซีรีส์ก็นำเสนอพาร์ทดราม่าของตัวละคร แมร์ ควบคู่กันไป ความน่าสนใจของเรื่องนี้คือปมของตัว แมร์ ที่ค่อนข้างเยอะ และหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าตัวคดีที่เธอรับผิดชอบ ซึ่งตัวซีรีส์ก็สามารถเล่าเรื่องของพาร์ทดราม่านี้ ให้เดินหน้าควบคู่ไปกับพาร์ทสืบสวนได้อย่างลงตัว

ในส่วนของประเด็นของซีรีส์เรื่องนี้ คือการพยายามพูดถึงชีวิตความเป็นอยู่ของคนในเมืองเล็ก ๆ ที่มีวิถีชีวิตที่ไม่ได้สุขสบายนัก ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้เต็มไปด้วยปัญหาทางสังคมมากมาย ทั้งอาชญากรรม การทำร้ายร่างกาย และที่โดดเด่นมาก ๆ ในเรื่องนี้คือเรื่องการตั้งครรภ์ในวัยที่ไม่พร้อม

อีกส่วนที่เป็นเสน่ห์ของซีรีส์ชุดนี้คือการทำให้เมืองที่ตัวละครอาศัยนั้น เป็นอีกหนึ่งตัวละครสำคัญของเรื่อง ที่เต็มไปด้วยคนที่มีสมบูรณ์แบบ ที่ต่างต้องการการเติมเต็ม และก้าวผ่านปัญหาชีวิต

Mare of Easttown

การแสดงของทีมนักแสดงแต่ละคนก็สามารถถ่ายทอดบทบาทของตัวเองได้อย่างน่าชื่นชม ด้วยความที่ทุกตัวละครมีทั้งพาร์ทดราม่า มีอดีตที่เลวร้ายของตัวเองซ่อนอยู่ทำให้ในเรื่องนี้ผู้ชมจะได้เห็นแต่ละตัวละครในเรื่องล้วนต้องก้าวผ่านอดีตที่เลวร้าย และอุปสรรคชีวิตของตัวเอง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เคท วินสเลต ผู้รับบทตัวเอกของเรื่องนี้ ที่ต้องเป็นทั้งจุดศูนย์กลางของเรื่องทั้งหมด และยังต้องเป็นตัวละครที่ต้องก้าวผ่านอดีตที่เลวร้ายของตัวเอง ซึ่งตัว เคทเองก็สามารถเข้าถึงอารมณ์ได้อย่างน่าชื่นชม จนทำให้คนดูอย่างเราอยากเอาใจช่วยตัวละครของเธอไปจนจบเรื่อง

Mare of Easttown

ด้วยการถ่ายทอดเรื่องราวที่สมจริง การวางมิติตัวละครที่ค่อนข้างแข็งแรง พร้อมทั้งประเด็นของซีรีส์ที่มันเกิดขึ้นรอบตัวทุกคนในทุกวันนี้ ทำให้ Mare of Easttown เป็นซีรีส์สืบสวน ดราม่า ที่ดีที่สุดอีกเรื่องหนึ่งของปีนี้

ในความยาวเพียง 7 EP. ซีรีส์ได้มอบหลากหลายอรรถรสให้กับคนดู ทั้งความเป็นหนังสืบสวนสุดเข้มข้น ดราม่า โศกนาฎกรรม ไปจนถึงความเป็นหนังครอบครัว สำหรับใครที่กำลังมองหาซีรีส์น้ำดี เนื้อหากระชับ ไม่ต้องใช้เวลาในการดูนานเกินไป เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง

Cr.ภาพ: IMDB

#siries #series-nime.com

Categories
anime

รีวิวอนิเมะ The Way of the Househusband

รีวิวอนิเมะ The Way of the Househusband: อนิเมะอารมณ์ดีจาก Netflix ที่มาพร้อมลูกเล่นสุดแปลก และความฮาที่เปี่ยมล้น

The Way of the Househusband คืออีกหนึ่งผลงานอนิเมะ ออริจินัล Netflix ที่กลายเป็นกระแสในช่วงที่ผ่านมา ด้วยความที่มีแฟน ๆ ที่ติดตามมาตั้งแต่เวอร์ชั่นมังงะ ที่เขียนโดย โคสุเกะ โอโนะ และด้วยความสนุก ความบันเทิงที่แปลก แหวกแนวของการ์ตูนเรื่องนี้ ทำให้มันกลายเป็นที่สนใจของคออนิเมะไปโดยปริยาย

เนื้อหาของ The Way of the Househusband จะว่าด้วยเรื่องราวของ ทัตสึ อดีตมาเฟียหนุ่ม ผู้เป็นตำนานของวงการจนได้รับฉายาว่า “ทัตสึคนอมตะ”

เหตุการณ์ในอนิเมะ จะพูดถึงช่วงหลังจากที่ คัตสึโบกมือลาจากวงการมาเฟีย และกลายมาเป็นพ่อบ้านเพื่อดูแล มิกุ คนรักของเขาแทน เรื่องดูเหมือนจะเป็นหนังครอบครัวที่ดอบอุ่น แต่ด้วยความที่อดีตของ ทัตสึ คือมาเฟียตัวเอ้ ทำให้มันนำมาสู่เรื่องที่ไม่ธรรมดา ที่เต็มไปด้วยความฮา ความกาว*มากมาย

The Way of the Househusband คืออีกหนึ่งผลงานอนิเมะ ออริจินัล Netflix ที่กลายเป็นกระแสในช่วงที่ผ่านมา ด้วยความที่มีแฟน ๆ ที่ติดตามมาตั้งแต่เวอร์ชั่นมังงะ ที่เขียนโดย โคสุเกะ โอโนะ และด้วยความสนุก ความบันเทิงที่แปลก แหวกแนวของการ์ตูนเรื่องนี้ ทำให้มันกลายเป็นที่สนใจของคออนิเมะไปโดยปริยาย

ความพิเศษแรกของอนิเมะเรื่องนี้คือการที่ผู้กำกับเลือกที่จะใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบที่ตัวละครในเรื่องแทบไม่มีฉากเคลื่อนไหวเลย แต่จะใช้วิธีนำภาพนิ่งมาเรียงต่อกัน และเล่นกับจังหวะ และมุมภาพแทน  โดย จิอากิ คอน ผู้กำกับของอนิเมะเรื่องนี้ ที่เคยใช้เทคนิคเดียวกันนี้กับซีรีส์สุดฮาอย่าง Back Street Girls ก็ได้เผยเหตุผลที่เลือกใช้วิธีการนำเสนอแบบดังกล่าวก็เพราะว่าเขาต้องการให้ตัวอนิเมะ มีความคงสไตล์ความฮา และอรรรถรสดั้งเดิมของเวอร์ชั่นมังงะเอาไว้ ทำให้เมื่อดูอนิเมะเรื่องนี้ คนดูจะรู้สึกเหมือนว่ากำลังอ่านการ์ตูนแก้กที่เป็นช่อง ๆ อยู่

The Way of the Househusband

ส่วนด้านความฮา ความกาวของ  The Way of the Househusband ก็ทำหน้าที่ได้แบบจัดเต็ม ด้วยความที่ตัวอนิเมะมีความยาวเพียง 5 Ep. โดยในแต่ละ Ep. จะแบ่งเป็นตอนสั้น ๆ ประมาณ 5 ตอน ส่วนเนื้อหาของแต่ละตอนก็จะพูดถึงวีรกรรมต่าง ๆ ของ ทัตสึ ซึ่งแก้กในอนิเมะจะมีความคล้าย ๆ Back Street Girls อยู่หน่อย ๆ คือมีการนำตัวละครหน้าโฉด มาทำอะไรที่ขัดกับบุคลิกของตัวเอง พร้อมโอเวอร์แอคติ้งที่หลุดโลก ซึ่งตลอดทั้งเรื่องเราจะได้เห็นเหล่าตัวละครหน้าโฉดมาทำอะไรที่ติ๊งต๊อง แต่มีความน่ารักแฝงอยู่ ทั้งนี้ต้องขอชื่นชมการสร้างสรรค์ของผู้เขียนที่เข้าใจสร้างสรรค์มุกตลกต่าง ๆ ได้หลุดโลก และไม่ซ้ำใคร

The Way of the Househusband

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า The Way of the Househusband จะเป็นอนิเมะที่เต็มไปด้วยความฮาที่จัดเต็ม แต่ทว่ามุกเหล่านั้นอาจไม่ได้สามารถทำงานกับทุกกลุ่มคนดูได้นัก ด้วยความที่เป็นมุกแบบโอเวอร์แอคติ้ง แบบการ์ตูนญี่ปุ่น ฉะนั้นหากใครที่ไม่ใช่สายอนิเมะ หรือผ่านหูผ่านตามังงะแนวต่อสู้ หรือแนวแก๊งสเตอร์มา ก็อาจไม่เก็ทกับมุกของอนิเมะเรื่องนี้เท่าที่ควร

The Way of the Househusband

โดยรวม The Way of the Househusband ถือว่าเป็นอนิเมะสายบันเทิงชั้นดีอีกเรื่องของ Netflix ที่เหมาะอย่างยิ่งที่จะดูคลายเครียดในสถานการณ์บ้านเมืองเช่นนี้ เป็นความบันเทิงขนาดสั้น เต็มอัดแน่นจนเกือบล้น ต่อให้คนที่มีเวลาในการดูหนัง ดูซีรีส์น้อยก็สามารถหาเวลาดูได้ เพราะตอนสั้นในแต่ละ Ep. ยาวเพียง 3-5 นาทีเท่านั้น

Cr. ภาพ : เว็บไซต์ IMDB

#anime #series-nime.com

**ความกาว : ตลก ภาพตลก ขำขัน รั่วๆ

Categories
series

The Naked Director season 2

พบกับบทสรุปของเจ้าพ่อวงการหนังโป๊ ที่เข้มข้น และวายป่วงยิ่งกว่าเดิมในตัวอย่างแรก The Naked Director season 2

การกลับมาอีกครั้งของซีรีส์ญี่ปุ่นที่ชาว Netflix รอชมกันมากที่สุด สำหรับ The Naked Director season 2 ซีรีส์ที่จะมาตีแผ่ถึงจุดเริ่มต้นยุคเฟื่องฟูของวงการหนังโป๊ญี่ปุ่น ซึ่งในครั้งนี้ก็เป็นการกลับมาพร้อมเรื่องราวที่ชวนสยิว เข้มข้น วายป่วง และระทึกยิ่งกว่าเดิม

โดยเรื่องราวในซีซั่นนี้จะต่อจากซีซั่นที่แล้ว เมื่อ มุรานิชิ (ทากายูกิ ยามาดะ) ชายผู้สร้างปรากฎการณ์ที่ทำให้หนังโป๊ญี่ปุ่นกลายเป็นที่นิยม ทำให้ทั้งเขา และ เมกุมิ (มิซาโตะ โมริตะ) กลายเป็นคนดังที่ผู้คนต่างให้ความสนใจ มุรานิชิ เริ่มมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงจนเขาได้เกิดไอเดียเล่นใหญ่ด้วยการเปิดช่องดาวเทียมของตัวเองขึ้นมา แต่ทว่าการจะทำแบบนั้นได้ต้องใช้เงินมหาศาล เขาเลยได้ไปกู้เงินกับเหล่ายากูซ่า และผู้มีอิทธิพลมากมาย จนมันได้นำมาสู่เรื่องวุ่น ๆ สุดวายป่วงมากมาย

The Naked Director season 2

สำหรับ The Naked Director season 2 นี้ก็จะเป็นบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมด โดยความน่าสนใจของซีซั่นนี้คือการที่ซีรีส์ไม่ได้โฟกัสแค่เรื่องหนังโป๊เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่ซีรีส์เริ่มเจาะลึกในด้านความเป็นซีรีส์ธุรกิจ ผสมอาชญากรรมมากยิ่งขึ้น เราจะได้เห็นช่วงรุ่งเรืองของ มุรานิชิ ที่เป็นเจ้าพ่อวงการหนังโป๊ และช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดของพวกเขา ที่เชื่อว่าในครั้งนี้ซีรีส์น่าจะเล่นกับความสัมพันธ์ตัวละครที่วุ่นวายกว่าเดิม เข้มข้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน

The Naked Director season 2

โดยในซีซั่นที่สองนี้ก็จะได้ทีมนักแสดงชุดเดิมกลับมาแบบครบทีม นำทีมโดย ทากายูกิ ยามาดะ (50 First Kisses),มิซาโตะ โมริตะ (Hundred Million Yen Goodbye), ชินโนสุเกะ มิตสึชิม่า (Kingdom), เทตซึจิ ทามายามะ (Nana), ลิลลี่ แฟรงกี้ (Shoplifters) และ จุน คูนิมูระ (The Wailing)

The Naked Director เป็นซีรีส์ญี่ปุ่น ผลงาน Original ของ Netflix โดยซีซั่นแรกฉายเมื่อปี 2019 เนื้อหาของซีรีส์เป็นการดัดแปลงมาจากชีวประวัติของ โทรุ มุรานิชิ ชายผู้สร้างความเฟื่องฟู และสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แกวงการหนังโป๊ หรือหนัง AV ญี่ปุ่น ในช่วงยุค 80

ซึ่งด้วยความที่ซีรีส์มีส่วนผสมของความคอเมดี้ และอาชญากรรมที่ลงตัว ทำให้หลังจากที่ซีซั่นแรกฉายไปก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดี จนทางสตูดิโอผู้สร้างไฟเขียวทำซีซั่นที่ 2 ของซีรีส์ชุดนี้ทันที นอกจากนี้ก็ยังมีวลี “ข้าวกล่อง” ที่เป็นที่จดจำ และถูกนำมาใช้เล่นเป็น Meme เป็นแก้กในโลกออนไลน์นิยมเอามาใช้เป็นจำนวนมาก

The Naked Director season 2

The Naked Director season 2 จะมีกำหนดฉายในวันที่ 24 มิถุนายนนี้ทาง Netflix เท่านั้น

ตัวอย่าง The Naked Director season 2

Cr. ภาพ : https://natalie.mu/eiga

#siries #series-nime.com

Categories
series

รีวิว The Wilds ซีรีส์เอาชีวิตรอดบนเกาะร้างสุดเข้มข้น

รีวิวซีรีส์ The Wilds : ซีรีส์เอาชีวิตรอดบนเกาะร้างสุดเข้มข้น ที่ผสมกับความเป็นซีรีส์วัยรุ่นที่ลงตัว และตัวละครมีมิติ น่าจดจำ

The Wilds คืออีกหนึ่งซีรีส์แนวติดเกาะน้ำดีจาก Amazon Prime ที่คว้าคะแนน 92% จากนักวิจารณ์ในเว็บไซต์ Rotten Tomatoes แต่ทว่ากลับไม่ค่อยเป็นที่พูดถึงนักในไทย อาจด้วยความที่ช่องสตรีมดังกล่าวไม่ได้ทำการตลาดในไทยมากเท่าที่ควร

ทำให้หลาย ๆ หนัง และซีรีส์ที่เป็น ของดีของ Amazon ไม่เป็นที่รู้จัก สำหรับบทความนี้เลยอยากให้เป็นอีกหนึ่งการป้ายยา ให้หลาย ๆ คนได้รู้จักซีรีส์เรื่องนี้ และสนใจไปตามดูต่อในสตรีม

the wilds

โดย The Wilds เป็นซีรีส์ที่ว่าด้วยเรื่องราวของวัยรุ่นสาวกลุ่มหนึ่ง ที่กำลังเดินทางไปร่วมทำกิจกรรมแคมป์ค่ายฤดูร้อน แต่ทว่าระหว่างทางเครื่องบินที่พวกเธอโดยสารมาก็ได้เกิดประสบอุบัติจนตกลงไปกลางมหาสมุทร วัยรุ่นสาวทั้งหมดที่ได้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ก็ได้พากันไปอาศัยในเกาะร้าง และช่วยเหลือกันและกัน จนกว่าจะมีคนผ่านมาช่วย ซึ่งพวกเธอก็หารู้ไม่ว่าได้มีคนกลุ่มหนึ่งคอยชักใยอยู่เบื้องหลังเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด

the wilds

จากเนื้อเรื่องย่อที่กล่าวมา อาจเหมือนว่า The Wilds น่าจะเป็นซีรีส์แนวเอาชีวิตรอดไม่ต่างหนังหรือซีรีส์แนวเดียวกันเรื่องอื่น ๆ อย่าง “เคว้ง” หรือ “Lost” แต่ส่วนที่ทำให้ The Wilds ต่างจากเรื่องอื่น ๆ อย่างชัดเจนคือ มันเป็นซีรีส์ที่มีความเป็นวัยรุ่น และประเด็นการก้าวผ่านพ้นวัยที่โดดเด่นมาก จนแทบจะทำให้ประเด็นติดเกาะในซีรีส์เรื่องนี้ดูเบาบางไปในบางครั้ง

the wilds

ตัวซีรีส์จะนำเสนอแบบนำเสนอแต่ละ Ep. เป็นเรื่องราวของตัวละครในเรื่องทีละตัว ๆ ที่จะมีการนำเสนอเหตุการณ์สามช่วงเวลาคือปัจจุบัน ที่เป็นการให้ปากคำของเหล่าวัยรุ่นที่ติดเกาะ, ช่วงเวลาที่ตัวละครติดเกาะ และต้องเอาชีวิตรอด และอดีต ของแต่ละคนที่เป็นเหตุผลให้ทุกคนมาลงเอยในที่แห่งนี้ นอกจากนี้ก็ยังมีเส้นเรื่องของตัวละครที่เป็นคนอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เหล่านี้ด้วย ความสนุกของซีรีส์เลยเป็นการผสมผสานระหว่างหนังระทึกขวัญ, หนังดราม่า, หนังComing of Age (หนังก้าวผ่านพ้นวัย) ที่ออกมาลงตัว ชวนติดตาม

จุดขายของ The Wilds คือการสร้างแต่ละตัวละครหลักของเรื่องให้ออกมามีมิติ เสน่ห์ที่น่าจดจำ เพราะว่าเหล่าวัยรุ่นแต่ละคนในเรื่องนี้ต่างเป็นเด็กมีปัญหาที่ต่างกันไป และปัญหาเหล่านั้นมันได้ส่งผลต่อวิธีคิด การแสดงออกของตัวละคร ยิ่งเมื่อพวกเธอเหล่านี้มาอยู่ด้วยกัน เอาชีวิตรอดร่วมกัน มันทำให้เนื้อเรื่องบนเกาะดูสนุก เข้มข้นมากยิ่งขึ้น ที่น่าชื่นชมมาก ๆ คือซีรีส์มีการเลือกใช้นักแสดงหน้าใหม่ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนักมารับบทนำ ซึ่งด้วยบทที่ท้าทาย และดราม่าค่อนข้างหนัก นักแสดงเหล่านี้ก็ล้วนแต่ทำหน้าที่ได้ดี ราวกับว่าเป็นนักแสดงมืออาชีพ

the wilds

อีกจุดแข็งของซีรีส์เรื่องนี้ก็คือพาร์ทดราม่า ที่ทำออกมาได้ถึงพริกถึงขิง และครบทุกรสชาติมาก ๆ ในเนื้อเรื่องจะมีทั้งดราม่าความสัมพันธ์ระหว่างคู่รัก, ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก, ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน และความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง ที่แต่ละความสัมพันธ์ล้วนแต่สร้างความขัดแย้ง และอุปสรรคที่ตัวละครจะต้องก้าวผ่าน ทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งความสนุกที่คอหนังดราม่าน่าจะชื่นชอบไม่น้อย

พาร์ทติดเกาะ หรือการเอาชีวิตรอดในเรื่องนี้อาจไม่ได้โดดเด่น หรือชวนระทึกมากนัก เพราะซีรีส์ค่อนข้างเน้นขายดราม่า เลยทำให้พาร์ทเอาชีวิตรอด หรือระทึกขวัญใน The Wilds อยู่ในระดับทั่วไป ไม่ได้หวือหวาจากเรื่องอื่น ๆ แต่ก็มีหลายฉากที่ดูแล้วได้ลุ้น ได้เอาใจช่วยตามตัวละคร ซึ่งโดยรวมถือว่าสอบผ่านในฐานะหนังเอาชีวิตรอดที่ดูสนุก

the wilds

โดยสรุป The Wilds ถือว่าเป็นอีกหนึ่งซีรีส์น้ำดี ที่ไม่ได้มีแค่ความบันเทิงแบบหนังเอาชีวิตรอดเท่านั้น แต่ซีรีส์เรื่องนี้ยังมีพาร์ทดราม่าที่ทรงพลัง การแสดงที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย ซึ่งในตอนนี้ซีรีส์มีให้ชมแล้วทาง Amazon Prime 1 ซีซั่น จำนวน 10 Ep. พร้อมซับไทย ตัวซีรีส์ยังไม่จบ เพราะในตอนท้ายของซีรีส์ได้มีการปูเนื้อหาเพื่อไปต่อซีซั่น 2 ซึ่งหากออนแอร์เมื่อไหร่ทางเราจะรีบมารีวิวโดยทันที

Cr. ภาพ : เว็บไซต์ IMDB

#siries #series-nime.com

Categories
series

Shadow and Bone ซีรีส์แอคชั่น แฟนตาซีฟอร์มยักษ์เรื่องล่าสุดของ Netflix

เตรียมพบกับสงครามของเหล่าผู้มีพลังพิเศษ ที่มีความสงบสุขของโลกเป็นเดิมพันใน Shadow and Bone ซีรีส์แอคชั่น แฟนตาซีฟอร์มยักษ์เรื่องล่าสุดของ Netflix

Shadow and Bone คือซีรีส์ฟอร์มยักษ์เรื่องล่าสุดของ Netflix ที่น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวขายสำคัญของสตรีมนี้เลยก็ว่าได้ เพราะด้วยความเป็นซีรีส์แอคชั่น ผจญภัย แนวพีเรียท ที่จัดเต็มทั้งความแฟนตาซี และฉากสงคราม ตั้งแต่ซีซั่นแรก ใครที่คิดถึงซีรีส์แบบ Game of Thrones หรือ Viking น่าจะถูกใจไม่น้อย

เนื้อเรื่องของ Shadow and Bone จะว่าด้วยโลกที่เต็มไปด้วยสงคราม โดยเหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อ อาริน่า สตาร์คอฟ (เจสซี่ย์ เมย์ ลี) หญิงสาวกำพร้า และทหารผู้ต่ำต้อย ที่เธอได้ปลดปล่อยพลังพิเศษของตัวเองออกมา เพื่อปลดปล่อยอิสรภาพให้กับประเทศของเธอ

จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ อาริน่า ต้องพลัดพรากจากเพื่อนพ้อง และคนที่เธอรู้จัก จากนั้น อาริน่าก็ได้รับการเข้าร่วมฝึกวิชา กับเหล่าทหารระดับสูงที่มีพลังพิเศษ ที่รู้จักกันในนาม กรีชา แต่ทว่าเมื่อได้เรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคมใหม่ อาริน่า ก็ค่อย ๆ พบว่าบางที คนที่เป็นศัตรู มิตรนั้นอาจเป็นคน ๆ เดียวกัน

Shadow and Boneซีรีส์แอคชั่น แฟนตาซีฟอร์มยักษ์

โดย Shadow and Bone ดัดแปลงมาจากนิยายชื่อเดียวกันของ ลีห์ บาร์ดูโก ซึ่งฉบับซีรีส์เป็นผลงานการสร้างของ ไอริค ไฮส์เซอเรอร์ มือเขียนบทจาก Arival และ Bird Box ที่มารับหน้าที่กำกับ เขียนบท และร่วมอำนวยการสร้าง พร้อมทั้งหนังยังได้ทีมผู้กำกับซีรีส์ฝีมือดีมาร่วมกำกับให้แต่ละ Ep. ไม่ว่าจะเป็น แมร์ซี อัลมาส (Jessica Jones และ Outlander), ลี โทแลนด์ ครีเกอร์ (You และ Deadly Class), แดน เลวิน (The Walking Dead และ Fear The Walking Dead) และ เจเรมี่ เวบบ์ (Legion และ The Umbrella Academy) ส่วนด้านทีมนักแสดง Shadow and Bone นั้นนำทีมโดย เจสซี่ เมย์ ลี (Last Night in Soho), อาร์ชี่ย์ เรโนซ (Voyagers), เฟรดดี้ คาร์เตอร์ (Pennyworth), อมิตา ซูมาน (Doctor Who) และ เบน บาร์นส์ (Westworld)

Shadow and Boneซีรีส์แอคชั่น แฟนตาซีฟอร์มยักษ์
Shadow and Boneซีรีส์แอคชั่น แฟนตาซีฟอร์มยักษ์

ซึ่งด้าน ไอริค ไฮส์เซอเรอร์ ผู้กุมบังเหียนของโปรเจคนี้ก็ได้ออกมาเผยว่า ความน่าสนใจของซีรีส์เรื่องนี้ คือการพาคนดูไปร่วมผจญภัยในโลกแฟนตาซีที่ต่างจากซีรีส์แนวเดียวกันเรื่องอื่น ๆ ที่เคยมีมา เพราะมันคือการผสมผสานสองโลกไว้ด้วยกัน คนดูจะได้เห็นบรรยากาศของสงคราม และปราสาทสุดหรู รวมถึงบรรยากาศของเมืองแคตเทอดัม ที่เต็มไปด้วยความน่าทึ่ง นอกจากนี้ภายในซีรีส์ก็จะเต็มไปด้วยเรื่องรางของผู้มีพลังพิเศษ, การเมืองในราชสำนักที่เต็มไปด้วยกลอุบาย และการดิ้นรนต่อสู้ของคนที่ต่ำต้อย และถูกมองข้าม

Shadow and Boneซีรีส์แอคชั่น แฟนตาซีฟอร์มยักษ์

โดย Shadow and Bone จะมีกำหนดฉาย 23 เมษายนนี้ที่ Netflix ซึ่งจะพร้อมออนแอร์ทั้งหมด 8 Ep. ใครที่เป็นแฟนซีรีส์แฟนตาซี ผจญภัย ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง

Cr. ภาพ : Netflix Thai

#series #series-nime.com

Categories
series

ซีรีส์ Secret Invasion ของ Marvel

โอลิเวียร์ โคลแมน และเอมิเลีย คลาร์ก เตรียมร่วมแสดงนำในซีรีส์ Secret Invasion ของ Marvel

Secret Invasion อีกหนึ่งซีรีส์น่าจับตาของ Marvel Studios ที่เตรียมฉายบน Disney+ ในเร็ว ๆ นี้

ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงวางตัวทีมนักแสดงนำอยู่ โดยล่าสุดได้มีการประกาศอีกสองนักแสดงหญิงที่จะมาร่วมแสดงในซีรีส์เรื่องนี้คือ โอลิเวียร์ โคลแมน (The Father) และ เอมิเลีย คลาร์ก (Game of Thrones)

secret invasion

โดย Secret Invasion จะเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ใหญ่ของจักรวาล MCU เพราะมันจะว่าด้วยเหตุการณ์ของเหล่ามนุษย์ต่างดาว Skrull (ที่เคยปรากฎตัวมาแล้วใน Captain Marvel) ที่ปลอมตัวเข้ามาอาศัยอยู่บนโลก และปลอมตัวเป็นบุคคลสำคัญ เพื่อหวังสร้างการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

ซีรีส์จะได้ ไคล์ แบรดสตรีท มือเขียนบท และผู้อำนวยการสร้างจาก Mr.Robot มารับหน้าที่ดูแลการสร้างซีรีส์ พร้อมได้ ซามูแอล แจ็คสัน (Spiral)  กลับมารับบท นิค ฟิวรี่ และ เบน เมนเดลสัน (Captain Marvel) ที่กลับมารับบท ทารอส อีกครั้ง ส่วนบทของ โอลิเวียร์ โคลแมน และ เอมิเลียคลาร์ก ยังถูกปิดเป็นความลับ

secret invasion
โอลิเวียร์ โคลแมน จากหนัง The Father
secret invasion
เอมิเลีย คลาร์ก จากซีรีส์ Game of Thrones

โอลิเวียร์ โคลแมน เป็นนักแสดงหญิงสัญชาติอังกฤษ โดยผลงานของเธอส่วนใหญ่จะเป็นหนังดราม่า สายรางวัล ก่อนหน้านี้เธอเคยคว้าราววัลออสการ์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม จากหนังเรื่อง The Favourite เมื่อปี 2019 และในปี 2021 นี้ โคลแมนก็ได้เข้าชิงออสการ์อีกครั้งในบท นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก The Father

ส่วน เอมิเลีย คลาร์ก คือนักแสดงสาวที่โด่งดังจากซีรีส์ Game of Thrones ในบท เดเนริส ทาร์แกเรียน ราชินีมังกร

ซึ่งหลังจากสิ้นสุดบทดังกล่าวเธอก็มีผลงานหนังฟีลกู้ดสุดน่ารักอย่าง Last Christmas ที่เข้าฉายเมื่อปี 2019 อีกด้วย

*ย่อหน้านี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของ Spider-Man: Far From Home

สำหรับตัวละครมนุษย์ต่างดาว Skrull ในหนัง MCU นั้น เป็นตัวละครที่ปรากฎในครั้งแรกใน Captain Marvel ที่หนังได้เผยว่าพวกเขาได้มีความสามารถในการปลอมตัว จนเมื่อในเรื่อง Spider-Man: Far From Home หนังก็ได้เผยในตอน End Credit ของหนังว่า แท้จริงแล้ว นิค ฟิวรี่ และ มาเรีย ฮิล ที่เราเห็นในหนังทั้งเรื่องนั้น คือ Skrull ที่ปลอมตัวมาโดยมีจุดประสงค์บางอย่าง ซึ่งฉาก End Credit ดังกล่าว ก็ถือว่าเป็นการปูทางของซีรีส์ Secret Invasion ก็ว่าได้

ส่วนซีรีส์ของ MCU ที่เตรียมจะลงฉายใน Disney+ ปีนี้ ก็ยังจะมี Loki ซีรีส์ที่ว่าด้วยการผจญภัยของวายร้ายที่หลายคนหลงรัก ซึ่งจะเป็นเหตุการณ์ต่อจาก Avengers Endgame โดยซีรีส์จะมีกำหนดฉายเดือนมิถุนายนนี้ นอกจากนี้ในวีคนี้ซีรีส์ The Falcon and The Winter Soldier ก็กำลังจะฉาย Ep. สุดท้ายอีกด้วย

สำหรับใครที่รอการมาของ Disney+ ในไทย คาดว่าอีกไม่นานนี้เรากำลังจะได้ใช้บริการแล้ว เพราะก่อนหน้านี้ก็มีข่าวจากผู้ใช้ Disney+ ในประเทศอินโดนีเซียเผยว่ามีบางคอนเทนต์ของสตรีมมีซับไทย และพากย์ไทยแล้ว ซึ่งหากมีข่าวความคืบหน้ายังไง ทางเราจะรีบนำมาอัพเดททันที

Cr.ภาพ : เว็บไซต์ IMDB

อ้างอิง : https://www.empireonline.com/movies/news/marvel-secret-invasion-adds-emilia-clarke/

#series #series-nime.com

Categories
series

Disney ประกาศวันฉายซีรีส์ Loki

Disney ประกาศวันฉายอย่างเป็นทางการ ซีรีส์ Loki โดยจะออนแอร์มิถุนายนนี้

ในที่สุดก็ประกาศวันฉายอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับซีรีส์ฮีโร่ฟอร์มยักษ์อีกเรื่องของปีนี้จาก Marvel Studios อย่าง Loki ที่ก่อนหน้านี้ปล่อยตัวอย่างแรกมาเรียกน้ำย่อยไป ซึ่งทางค่ายก็ได้กำหนดวันฉายของซีรีส์คือวันที่ 11 มิถุนายนนี้ พร้อมเผยจำนวนตอนที่จะมีทั้งหมด 6 EP. ด้วยกัน โดยจะฉายบนสตรีม Disney+

โดยซีรีส์ Loki จะเป็นซีรีส์ที่พูดถึงเรื่องราวของ โลกิ ที่รอดชีวิตมาได้จากเหตุการณ์ใน Avengers Endgame หลังจากที่ทีมอเวนเจอร์ ย้อนอดีตไปตอนที่ โลกิ ได้นำทัพเอเลี่ยนจากนอกโลกบุกมาทำลายโลก

Loki

หรือเหตุการณ์ในภาค Avengers Assenble ซึ่งในระหว่างที่เหล่า อเวนเจอร์กำลังทำภารกิจอยู่นั้น โลกิ ก็ได้แอบหลบหนีออกมาได้ เหตุการณ์ในซีรีส์ก็จะพูดถึงชีวิตของโลกิ ที่ต้องระหกระเหเร่ร่อน ไปยังดาวต่าง ๆ จนนำมาสู่การผจญภัยสุดเข้มข้นครั้งใหม่

ซีรีส์จะกำกับโดย เคท เฮอร์รอน มือกำกับจากซีรีส์ Sex Education ของ Netflix และร่วมเขียนบทโดย ไมเคิล วัลดรอน จากซีรีส์ Rick and Morty

Loki

ด้านนักแสดงจะนำทีมโดย ทอม ฮิดเดิลสัน (Crimson Peak , Kong: Skull Island) กลับมารับบท โลกิอีกครั้ง

สมทบด้วย โซเฟีย ดิ มาร์ติโน่(Yesterday) ริชาร์ด อี แกรนต์(Star Wars: Episode IX – The Rise of Skywalker) โอเว่น วิลสัน(Wonder ,No Escape) และ ลูเซียส บาสตัน(ซีรีส์ Lovecraft Country)

Loki

สำหรับช่องสตรีม Disney+ เป็นช่องสตรีมที่ฉายคอนเทนต์ในเครือของ Disney ไม่ว่าจะเป็น Walt’s Disney ,Pixar ,20th Century Studios ,Lucas Films และ Marvel Studios โดยเริ่มเปิดให้บริการในบางประเทศตั้งแต่ช่วงปลายปี 2019 ส่วนในไทยตอนนี้ยังไม่ได้เปิดให้บริการ ซึ่งซีรีส์ที่โด่งดังมาก ๆ ของสตรีมนี้คือซีรีส์ Wanda Vision

เป็นซีรีส์แยกของตัวละคร แวนดา และวิชั่นจาก MCU จำนวนทั้งสิ้น 8 EP. ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนกลายเป็นซีรีส์ที่คนดูเยอะที่สุดในโลก อีกเรื่องหนึ่งได้แก่ The Mandalorian ซีรีส์ภาคแยกจากจักรวาล Star Wars ที่ได้รับเสียงชื่นชมทั้งในด้านการเล่าเรื่อง และงานโปรดักชั่นที่ยิ่งใหญ่อลังการไม่แพ้หนังใหญ่ ปัจจุบันมีทั้งหมด 2 ซีซั่น

ส่วนทาง Marvel Studios หลังจากที่ซีรีส์ WandaVision จบแล้ว ก็เตรียมฉาย The Falcon and the Winter Soldier ซีรีส์ความยาว 6 EP. ที่พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างอดีตสองคู่หูของ กัปตันอเมริกา อย่าง ฟอลคอน และวินเทอร์ โซลเยอร์ ที่ต้องมาปฏิบัติภารกิจกอบกู้โลกร่วมกัน

โดยซีรีส์จะมีกำหนดฉาย 19 มีนาคมนี้ บน Disney+ เช่นกัน ส่วนด้านภาพยนต์ฉายโรง ในปีนี้ยังมี Black Widows หนังเดี่ยวของซุปเปอร์ฮีโร่หญิง ที่โดนผลกระทบจากโควิด-19 จนต้องเลื่อนฉายจากเดิมปีที่แล้ว โดยกำหนดฉายในตอนนี้คือวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ ใครที่คิดถึงหนังจักรวาล MCU นับถอยหลังรอไว้ได้เลย

สำหรับแฟนหนังชาวไทยที่กำลังรอคอยการเข้ามาเปิดให้บริการของ Disney+ ในไทย อาจต้องอดใจรอกันอีกหน่อย ซึ่งหากมีข่าวคราวอัปเดท ทางเราจะรีบนำมารายงานให้ทราบทันที

ตัวอย่าง Loki

Cr. ภาพ : เว็บไซต์ IMDB

#series #series-nime.com

Categories
series

รีวิวซีรีส์ Mouse

Mouse ซีรีส์สืบสวน ระทึกขวัญ ที่เต็มไปด้วยลีลาการเล่าเรื่อง และการสับขาหลอกที่ชวนเหวอตั้งแต่ต้นจนจบ

Mouse เป็นอีกหนึ่งซีรีส์เกาหลีที่เป็นกระแสในไทยพอสมควรในช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมา โดยซีรีส์เรื่องนี้เป็นแนวสืบสวนสอบสวน ระทึกขวัญ ที่หยิบประเด็นยอดนิยมของหนังหรือซีรีส์แนวนี้มาเล่าอย่างเรื่องของฆาตกรต่อเนื่อง โดยความโดดเด่นของ Mouse คือกระแสปากต่อปากในเรื่องของความโหด ดิบ และความซับซ้อนซ่อนเงื่อน ที่เหนือชั้นกว่าคนดูจะสามารถคาดเดาได้

โดยซีรีส์จะพูดถึงเรื่องราวของประเทศเกาหลีใต้ ที่ทางรัฐบาล และนักวิทยาศาสตร์ด้านจิตวิเคราะห์ ได้วางแผนออกนโยบายให้มีการตรวจ DNA ของทารก ว่ามียีนของฆาตกร หรือเป็นนักล่าหรือไม่ หากทารกคนนั้นมียีนดังกล่าวก็จะทำการทำแท้งเด็กคนนั้น เพื่อยับยั้งการที่เด็กคนนั้นอาจเติบโตมาและเป็นฆาตกรต่อเนื่องในอนาคต ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นก็ได้เกิดคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญของ ‘นักล่าหัว’ ฆาตกรต่อเนื่องผู้มักจะตัดหัวของเหยื่อออกอาละวาด จนเมื่อฆาตกรผู้นี้ได้ทำการฆ่าเหยื่อรายใหม่เป็นครอบครัวเล็ก ๆ ครอบครัวหนึ่ง โดยเขาได้ฆ่า พ่อ แม่ และทำร้ายพี่ชายจนบาดเจ็บสาหัส โกมูซี ลูกชายคนเล็กของครอบครัวดังกล่าวเป็นเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวมาได้ และสามารถช่วยให้ตำรวจจับตัวคนร้ายมาได้ในที่สุด

แต่ทว่าเมื่อ โกมูซี เติบโตมาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ต้องการที่จะหาทางเข้าไปล้างแค้น ‘นักล่าหัว’ แทนครอบครัวให้ได้ ในตอนนั้นเองก็ได้มีคดีฆาตกรรมต่อเนื่องครั้งใหม่ ที่เหยื่อทุกรายจะถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม และมีนัยยะที่้เกี่ยวข้องกับศาสนาคริสต์ โกมูซี ต้องร่วมมือกับ จองบารึม เจ้าหน้าที่ตำรวจหน้าใหม่ไฟแรง เพื่อหาตัวคนร้ายของคดีฆาตกรรมต่อเนื่องนี้ให้ได้ โดยพวกเขาหารู้ไม่ว่าปริศนาในครั้งนี้ได้มีความลับที่เกี่ยวข้องกับอดีตอันเลวร้ายของทั้งสองซ่อนอยู่

ความน่าสนใจของ Mouse อย่างแรกคือการที่ซีรีส์มีการถ่ายทอดที่อ้างอิงงานสืบสวนสอบสวนอันโด่งดังมาเป็นแรงบันดาลใจหลายเรื่อง ตลอดทั้งเรื่องผู้ชมจะได้เห็นกลิ่นอาย หรืออีสเตอร์เอ้ก จากเหล่าหนังสืบสวนที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็น คาแรคเตอร์ของ ‘นักล่าหัว’ ที่อิงมาจาก ฮานนิบาล เล็กเตอร์ จาก The Silence of the Lambs, ดนตรีประกอบสุดระทึกจาก Phycho, วิธีการฆ่าที่แฝงนัยยะคล้ายกับใน Se7en หรือการสร้างตัวตนสองบุคลิกแบบ เด็กซ์เตอร์ มอร์แกน จากซีรีส์ Dexter ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ถูกผสมผสานไว้ในการเล่าเรื่อง การสร้างสรรค์ตัวละครในเรื่องนี้เอาไว้ได้อย่างลงตัว

ความสนุกของซีรีส์ในช่วงแรกจะมาในโทนแบบหนังไล่ล่าระทึกขวัญที่คุ้นเคย แต่ด้วยความที่ซีรีส์ได้เล่นอารมณ์กับคนดูตั้งแต่ตอนแรก ที่ดูแล้วชวนบีบอารมณ์ ก่อนที่หลังจากนั้นจะค่อย ๆ ไล่ระดับความสนุกเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ เราจะได้สนุกเพลิดเพลินกับการเอาใจช่วยตัวละครในการไล่ล่าตัวคนร้าย ด้วยการเล่าเรื่องที่กระชับ รวดเร็ว พร้อมทั้งยังมีซีนสะเทือนใจ ซีนลุ้นระทึกใส่มาแบบแทบจะทุกตอน ทำให้ใครที่เมื่อได้เปิดดูตอนแรกของ Mouse แล้ว ก็ยากที่จะไม่กดดูตอนต่อไปในทันที

แต่สิ่งที่พิเศษของ Mouse กลับไม่ใช่แค่การสืบสวน การไล่ล่าคนร้ายเท่านั้น แต่ซีรีส์ยังซ่อนไม้เด็ดในช่วงหลังจากตอนที่ 7 เป็นต้นไป ที่ซีรีส์ได้มีการสับขาหลอกคนดูครั้งสำคัญ ที่ทำให้หลังจากนั้นการเล่าเรื่องของซีรีส์เรื่องนี้ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ซีรีส์ค่อย ๆ หลอกล่อคนดูไปทีละนิดละน้อย ก่อนที่จะสับขาหลอกอีกครั้งต่อไปเรื่อย ๆ จนคนดูไม่สามารถคาดเดาเนื้อหาใด ๆ ได้ นอกจากนี้การหักมุมแต่ละครั้งของเรื่องก็คือการเฉลยปมต่าง ๆ ในตอนก่อนหน้า ซึ่งทุกอย่างซีรีส์ได้ปูเรื่องเอาไว้เพื่อเตรียมหลอกล่อคนดูได้อย่างชาญฉลาด

อีกหนึ่งส่วนที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้คือการแสดงของ อีซึงกิ จากซีรีส์ Vagabond ที่ในเรื่องนี้ใครที่อยากเห็นเขาโชว์ลีลาบู๊ ก็จะได้เห็นเช่นเดิม แต่จะเป็นลีลาบู๊ที่มีความหนักแน่น สมจริงกว่าอีกเรื่อง ที่สำคัญในเรื่องนี้เขาต้องรับบทเป็นชายสองบุคลิก ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มันทำให้ตัวละคร จองบารึม ของเขาในเรื่องนี้ดูมีมิติ มีความลึกลับ น่าค้นหา ซึ่งตัว อีซึงกิเองก็ถ่ายทอดความแตกต่างทางอารมณ์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นตัวละครที่หลายคนน่าจะทั้งชื่นชอบ และหวาดกลัวได้ในเวลาเดียวกัน

อย่างไรก็ตามแม้ว่า Mouse จะเป็นซีรีส์ที่เต็มไปด้วยการเล่าเรื่องที่สับขาหลอก และลูกเล่นที่ชวนติดตาม แต่ตัวซีรีส์ก็ยังค่อนข้างมีปัญหาที่ยากจะมองข้าม อย่างแรกคือการที่ซีรีส์มีการดำเนินเรื่องที่รวดเร็วเกินไป ทุกวินาทีในแต่ละตอนแทบจะไม่มีจังหวะให้ตัวละคร หรือคนดูได้หยุดพัก โดยเฉพาะในตอนท้าย ๆ ที่ซีรีส์ค่อนข้างยัดเยียดทุกสิ่งทุกอย่างมาใส่ในรวดเดียว ทำให้นอกจากความสนุกตื่นเต้นแล้ว คนดูอาจต้องทำใจให้พร้อมที่จะเหนื่อยไปกับการเล่าเรื่องของซีรีส์เรื่องนี้
อีกส่วนหนึ่งที่เป็นข้อด้อยของ Mouse คือความไม่สมเหตุสมผลบางอย่างของเรื่องราว ด้วยความที่ซีรีส์พยายามขายความหักมุมในช่วงท้ายจนเกินไป ทำให้ในบางประเด็น บางการกระทำของตัวละครออกมาดูขาดน้ำหนักเท่าที่ควร นอกจากนี้ซีรีส์ยังใช้จังหวะการเล่าเรื่องที่เล่นกับความบังเอิญของเหตุการณ์เพื่อเพิ่มความตื่นเต้นถี่จนเกินไป จนทำให้บางช่วงความสนุกของซีรีส์เรื่องนี้ดูประดิษฐ์ และดูพยายามเกินไป จนเสน่ห์ที่หนังสืบสวนควรมีหายไปอย่างน่าเสียดาย

ตัวอย่าง

โดยรวม Mouse ถือว่าเป็นซีรีส์สืบสวน ระทึกขวัญ อีกเรื่องจากเกาหลีที่ถือว่าเป็นสีสันใหม่ของวงการหนังหรือซีรีส์แนวนี้ ด้วยลูกเล่นของการนำเสนอที่แพรวพราว และการให้ความเคารพต่อหนังสืบสวนในอดีต ซีรีส์เรื่องนี้เลยไม่ต่างจาก “จดหมายรักที่มีต่อหนังสืบสวน ระทึกขวัญ” แม้ว่ามันจะไม่ได้ดีเทียบเท่ากับงานชั้นครูเหล่านั้น แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นซีรีส์ที่เข้มข้น ชวนติดตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครที่ชอบหนังที่ชวนให้ขบคิดตาม มีเนื้อหาที่หักมุม ไม่สามารถเดาทิศทางได้ นี่คืออีกเรื่องที่ไม่อยากให้พลาดด้วยประการทั้งปวง

#รีวิวซีรีส์ #Mouse #สืบสวน #ระทึกขวัญ #ซับซ้อนซ่อนเงื่อน #ซีรีส์เกาหลี #ฮิตติดกระแส #series #anime #ข่าวอัพเดต

Cr.ภาพ: Hancinema