Into the Night จากซีรีส์ที่ว่าด้วยการเอาชีวิตรอดจากดวงอาทิตย์ที่ฆ่าคนได้ สู่ซีรีส์การเมืองแบบเต็มสูบ โดยความเข้มข้น ความสนุกยังทำออกมาได้ดีไม่แพ้ซีซั่นแรก แต่เนื้อหากลับออกทะเลไปพอสมควร

Into the Night ผลงานซีรีส์จากประเทศเบลเยี่ยม ที่ฉายซีซั่น 1 บน Netflix เมื่อปีที่แล้ว กับพลอตแนววันสิ้นโลกที่มาพร้อมเงื่อนไขที่ว่า จะเป็นอย่างไร ถ้าแสงจากดวงอาทิตย์สามารถฆ่าคนได้? โดยหลังจากที่ฉายบนสตรีม ซีรีส์เรื่องนี้ก็ได้กลายเป็นกระแสในระยะหนึ่ง จนทำให้ในปีนี้ก็ได้มีการปล่อยซีซั่นที่ 2 ออกมาได้ชมกันแล้ว

สำหรับเรื่องราวในซีซั่น 2 จะพูดถึงกลุ่มผู้รอดชีวิตจากเครื่องบิน ที่ได้พากันไปอาศัยอยู่ในหลุมหลบภัยกับกลุ่มทหารนาโต หลังจากที่ได้ที่พัก ชีวิตของทุกคนก็ดูเหมือนจะมีความสุข สงบไปได้พักหนึ่ง ก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะต้องเจอกับปัญหามากมาย ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งจากระบบทหารที่คอยกดขี่คนอื่น ๆ รวมถึงปัญหาด้านพลังงาน เสบียงอาหาร จนนำมาสู่ภารกิจครั้งใหม่ ที่เสี่ยงตายยิ่งกว่าเดิม

จากที่ซีซั่นแรก ซีรีส์มาในแนวเอาชีวิตรอด ผสมวันสิ้นโลก แต่ในซีซั่นนี้กลับออกมาในแนวการเมืองโดยสิ้นเชิงก็ว่าได้ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ของซีซั่นนี้ จะไม่ได้โฟกัสไปที่อันตราจากดวงอาทิตย์ แต่จะเป็นการพูดถึงภัยอันตรายจากมนุษย์ด้วยกันเอง ซึ่งซีรีส์ก็ได้มีการเล่นกับประเด็นความขัดแย้งในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเสียสละจากคนจำนวนน้อย เพื่อความอยู่รอดของคนหมู่มาก และ การปกครองที่กดขี่ และมีความเป็นเผด็จการของทหาร  เป็นต้น

อย่างไรก็ตามในซีซั่นนี้ ความสนุก ความเข้มข้นของซีรีส์ ก็ไม่ได้แผ่วลงเลยแม้แต่น้อย ในแต่ละตอนจะมีสถานการณ์ที่ค่อย ๆ บีบอารมณ์ตัวละคร และคนดู แบบแทบไม่ได้พัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่นกับความสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ ที่นำมาสู่เหตุการณ์ที่สะเทือนอารมณ์ และมันนำมาสู่เหตุการณ์ช่วงท้ายเรื่องที่ตื่นเต้น เข้มข้นยิ่งกว่าเดิม

ด้านข้อเสียของซีซั่นนี้ คือการที่ซีรีส์ฉีกแนวของตัวเองเกินไป ทำให้เนื้อหาค่อนข้างเกือบจะออกทะเลไปพอสมควร จากที่ประเด็นควรจะโฟกัสที่ความน่ากลัวของดวงอาทิตย์ แต่ซีรีส์กลับเลือกที่จะโฟกัสที่ความน่ากลัวของจิตใจคนมากกว่า ทำให้คอนเซปต์จากซีซั่นแรกหายไปพอสมควร นอกจากนี้การเล่าเรื่องของซีรีส์ ก็ยังดำเนินเรื่องแบบรวบรัดฉับไว จนทำให้มิติตัวละครใหม่ ๆ หรือดีเทลล์บางอย่างที่ควรมี กลับหายไปอย่างน่าเสียดาย ทำให้ท้ายที่สุดแล้วซีซั่นนี้ เต็มไปด้วยความสนุก ความบันเทิงแบบแห้ง ๆ ที่ไม่ได้มีอะไรให้น่าค้นหา รวมถึงบางช่วงก็พยายามสร้างสถานการณ์โชคร้ายให้ตัวละครจนเกินไป ทำให้บางช่วงในการดูซีซั่นนี้ ค่อนข้างสร้างความหงุดหงิด มากกว่าความสนุกเสียด้วยซ้ำ

โดยรวม Into The Night ซีซั่น 2 ถือว่าเป็นงานที่ฉีกกรอบจากซีซั่นแรกไปพอสมควร จนแทบจะกลายเป็นซีรีส์คนละเรื่องก็ว่าได้ ในด้านความสนุก ความเข้มข้น ซีรีส์ยังทำออกมาได้ค่อนข้างดี โดยเฉพาะการนำเสนอประเด็นด้านการเมือง การพูดถึงระบอบทหาร แต่น่าเสียดายที่พอทุนสร้างของซีรีส์ไม่ได้สูงมาก เนื้อหามันเลยโฟกัสไปที่ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์ด้วยกัน และแทบไม่ได้พูดถึงดวงอาทิตย์เท่าที่ควร อย่างไรก็ตามซีรีส์ก็ยังคงสามารถปูทางไปสู่ซีซั่นต่อไปไว้ได้ชวนติดตาม ที่คาดว่าน่าจะทำให้ซีซั่นที่สาม จะออกมาในรูปแบบที่ต่างจากสองซีซั่นแรกโดยสิ้นเชิง

สามารถรับชมซีรีส์ Into The Night ทั้ง 2 ซีซั่น ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง

Cr.ภาพ: IMDB