Categories
series

รีวิวซีรีส์ Catching Killers

Catching Killers สารคดีสืบสวนสอบสวน ที่นำ 3 คดีดังของอเมริกา มานำเสนอผ่านมุมมองการสืบสวนของตำรวจ

ตัวซีรีส์อัดแน่นด้วยความสนุก เข้มข้นแบบหนังตำรวจ ที่จะพาคนดูไปร่วมตามล่าคนร้ายอย่างชวนติดตาม คอหนัง/ซีรีส์สืบสวนห้ามพลาด!!

Catching Killers คืออีกหนึ่งผลงานซีรีส์สารคดีจาก Netflix ที่เรียกได้ว่าทำมาเพื่อเอาใจแฟนสารคดีสืบสวนสอบสวนโดยเฉพาะ เพราะนี่คือการนำเสนอเรื่องราวการจับฆาตกรดังในอเมริกา จำนวน 4 EP. จาก 3 คดีจริง โดยทุกเรื่องจะถูกนำเสนอผ่านมุมมองของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบการสืบสวนคดีเหล่านั้น สำหรับเนื้อหาของแต่ละ EP. ก็จะมีดังนี้

Catching killers
Catching killers

EP.1: Body Count: The Green River Killer

เป็นการสืบหาตัวคนร้าย ผู้ได้ฉายาว่า “กรีน ริวเวอร์ คิลเลอร์” หรือ “นักฆ่าลุ่มแม่น้ำเขียว”ที่ได้ลงมือก่อคดีในช่วงปี 1987 – 1989 โดยคดีนี้ได้มีการลงมือฆาตกรรมผู้หญิงที่มีเหยื่อทั้งสิ้นรวมถึง 90 ราย ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็ได้สร้างความสะเทือนขวัญในประเทศอเมริกา

EP.2: Manhunter: Aileen Wuornos

เรื่องราวการตามล่าฆาตกรต่อเนื่องที่เลือกลงมือเฉพาะเหยื่อที่เป็นผู้ชายเป็นหลัก ก่อนจะพบว่าฆาตกรรายนี้ คือฆาตกรต่อเนื่องที่เป็นผู้หญิงคนแรกของสหรัฐอเมริกา ซึ่งคดีนี้ก็ได้ถูกนำไปสร้างเป็นหนังเมื่อปี 2003 เรื่อง Monster ที่กำกับโดย แพตตี้ เจนกินส์ (Wonder Women) และนำแสดงโดย ชาร์ลิซ เธียรอน (Fast 9)

EP.3-4 True Lies, Part 1: The Happy Face Killer

ในช่วงปี 1990 ได้มีการพบศพของหญิงสาวนิลนามคนหนึ่งถูกทิ้งไว้ในป่าในรัฐโอเลกอน จนหลังจากที่ทราบชื่อของเหยื่อ ทางตำรวจก็ได้ทำการสืบสวนราวเรื่องจนพบว่าได้มีผู้ต้องสงสัยคือสามีภรรยาผู้สูงวัยคู่หนึ่ง เมื่อเริ่มสอบสวนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องพบกับความลึกลับซับซ้อน และความน่าสะเทือนใจ จนหลังจากที่ได้จับกุมสองสามีภรรยาดังกล่าวข้อหาฆาตกรรมไปได้ ตำรวจก็ต้องเผชิญกับปัญหาใหม่ เมื่อปี 1994 ได่มีจดหมายปริศนาที่อ้างว่าเขาคือฆาตกรตัวจริง ส่งมาท้าทายเจ้าหน้าที่ให้ต้องกลับมาทำการสืบสวนใหม่อีกครั้ง

Catching killers
Catching killers

สำหรับตัวซีรีส์ชุด Catching Killers นี้ ก็เรียกได้ว่าเป็นสารดดีสืบสวนตามสไตล์ Netflix คือการนำเสนอเรื่องจริง คดีจริง ให้ออกมาสนุก ชวนติดตาม พร้อมเนื้อหาที่จบในตอนแบบเดียวกับสารดดีชุด Unsolved Mystery โดยตัวสารคดีชุดนี้จะเน้นไปทางสายสืบสวนเน้น ๆ มากกว่าแค่การเล่าเรื่องภาพรวมของคดี

Catching killers
Catching killers

ซึ่งในแต่ละตอนซีรีส์จะได้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลการสืบสวนคดีนั้น ๆ กลับมาเล่าการสืบสวนของแต่ละคดี ส่วนการนำเสนอภาพ สารคดีจะมีการใช้ฟุตเทจจริง ภาพจากที่เกิดเหตุจริง มาผสมผสานกับฉากจำลองที่ถ่ายขึ้นมา ที่จะให้อารมณ์ชวนติดตามไม่แพ้ซีรีส์สืบสวนเรื่องอื่น ๆ

Catching killers
Catching killers

แต่ก็อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้าว่าสารคดีชุดนี้คือการนำเสนอคดีจริงในมุมมองของตำรวจเท่านั้น และแต่ละคดีจะเล่าแบบจบในตอนเป็นหลัก ทำให้เนื้อหาของแต่ละคดีไม่ได้มีการเจาะลึกมากนักหากเทียบกับซีรีส์สารคดีที่โฟกัสเป็นคดีนั้น ๆ ไป เพราะตัวสารคดีชุดนี้จะเล่าแค่มุมการทำงานของตำรวจเป็นหลักเท่านั้น ซึ่งในขณะเดียวกันการทำงานบางขั้นตอนเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถระบุรายละเอียดมาก แต่ในด้านภาพรวมการสืบสวน หนังจะเล่าให้เห็นภาพ และคนดูตามทันมากที่สุด ฉะนั้นนี่อาจไม่ใช่ซีรีส์ที่เหมาะกับคนที่ชอบเนื้อหาเจาะลึก นำเสนอเหตุการณ์แบบละเอียดมากนัก

Catching killers
Catching killers

โดยรวม Catching Killers เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสารคดีสืบสวนสอบสวนที่น่าจะถูกใจคอหนัง หรือซีรีส์แนวนี้ไม่น้อย เพราะนี่เป็นการพาทุกคนไปย้อนรอยคดีดัง ผ่านมุมมองการทำงานของตำรวจ ที่เล่าออกมาได้ชวนติดตาม แต่ละ EP จะให้ความสนุกเหมือนว่าคนดูได้ไปร่วมตามติดวิธีการสืบหาตัวคนร้ายของเจ้าหน้าที่ ใครที่ชอบดูอะไรที่เป็น Cop Show เรื่องนี้ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งสามารถรับชมซีรีส์สารคดี Catching Killers ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Catching Killers

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes, IMDB

Categories
series

รีวิวซีรีส์ Beyond Evil

ซีรีส์สืบสวนน้ำดี การันตีด้วยรางวัล แพ็คซัง อาร์ต อวอร์ด บทเต็มไปด้วยการเฉือนคมที่มีชั้นเชิง การสืบสวนที่เข้มข้น

อีกหนึ่ง Gerne ที่กำลังมาแรงมาก ๆ ของซีรีส์เกาหลีในช่วงหลัง ๆ ก็คงต้องขอยกให้ซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวน โดยซีรีส์ที่เป็นที่พูดถึงมาก ๆ ในช่วงก่อนหน้านี้ก็คือ Mouse ที่พึ่งอวสานไปไม่นาน

สำหรับ Beyond Evil ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งซีรีส์สืบสวนน้ำดีจากเกาหลีในปี 2021 นี้ ที่การันตีคุณภาพด้วยการคว้ารางวัล แพ็คซัง อาร์ต อวอร์ด สาขาทีวีซีรีส์ยอดเยี่ยมของปีนี้มาครองได้สำเร็จ

Beyond Evil
Beyond Evil

โดยซีรีส์จะเล่าเรื่องราวของ ฮันจูวอน (ยอจินกู) นายตำรวจหนุ่มอนาคตไกล ลูกชายของรองผู้บัญชาการตำรวจ ที่ได้เดินทางมาประจำการที่เมืองมันยาง ในตำแหน่งสารวัตร ซึ่ง จูวอนก็ได้เข้ามารับตำแหน่งโดยมีจุดหมายว่าจะเข้ามาทำการสืบสวนคดีฆาตกรรมต่อเนื่องในเมืองนี้ที่ปิดไม่ได้มากว่า 20 ปี

จูวอน ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่คู่กับ อีดงซิก (ชิน ฮากยุน) รองสารวัตรรุ่นเก๋าของเมือง และอดีตผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งของคดีนี้ ซึ่งเหยื่อรายแรกของคดีนี้นั้นก็คือน้องสาวของ ดงซิกอีกด้วย จูวอน ที่เดินหน้าสืบคดีนี้ พร้อมกับระแวงในตัว ดงซิก แต่เมื่อยิ่งสืบไปเรื่อย ๆ พวกเขาก็พบว่าคดีนี้มีคนที่มีอำนาจคอยบงการอยู่เบื้องหลัง

Beyond Evil
Beyond Evil

Beyond Evil เป็นซีรีส์ที่มีความทั้งสิ้น 16 ตอน ตกความยาวตอนละ 1 ชั่วโมง ความโดดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้คือการเล่นกับบรรยากาศการสืบสวนแบบต่างจังหวัด

ที่ให้อารมณ์เหมือนหนัง Memories of Murder ของบงจุนโฮ ตัวซีรีส์มีการนำเสนอวิธีการสืบสวนที่สมจริง มีการเล่าเรื่องอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อปูความสัมพันธ์ของตัวละคร

Beyond Evil
Beyond Evil

ความสนุกในช่วงครึ่งแรกของซีรีส์ คือการเล่นกับคนดูด้วยการสับขาหลอกไปมาให้คนดูสับสนว่าใครคือคนร้ายของคดีนี้ โดยเฉพาะตัวละครอีดงซิก ที่ดูเต็มไปด้วยความลับที่ชวนค้นหา ชวนติดตาม รวมถึงตัวละครอื่น ๆ ในซีรีส์ที่ล้วนแต่ถูกนำเสนอให้ดูเป็นคนที่มีความน่าสงสัย

ไม่น่าไว้วางใจ ในช่วงกลางไปถึงท้ายของซีรีส์ก็ค่อย ๆ เพิ่มความสนุก ความระทึกมากยิ่งขึ้น ทั้งประเด็นดราม่าที่หนักหน่วง และการสืบสวนที่ทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งซีรีส์ก็สามารถเฉลยปมปริศนาต่าง ๆ ในเรื่องได้อย่างมีชั้นเชิง ในแบบที่คนดูคาดเดาแทบไม่ได้

Beyond Evil
Beyond Evil

แต่นอกเหนือจากประเด็นการสืบสวนสอบสวนที่ทำออกมาสนุก และสามารถสะท้อนความดำมืดของจิตใจของมนุษย์ได้อย่างน่าสะพรึงแล้ว อีกหนึ่งประเด็นที่ Beyond Evil

สามารถทำได้ดีไม่แพ้กันคือการสะท้อนความหละหลวมของกระบวนการยุติธรรมของเกาหลีออกมาได้อย่างแสบสัน รวมถึงการหยิบประเด็นการเมืองมาสอดแทรกแบบมีชั้นเชิง

ด้านการแสดงของทีมนักแสดงนำแต่ละคนก็ต่างถ่ายทอดบทบาทออกมาได้ดีเยี่ยม ยอจินกู เป็นนายตำรวจที่เปี่ยมเสน่ห์ และสามารถแบกซีรีส์เรื่องนี้เอาไว้ได้อย่างน่าชื่นชม

แต่การแสดงที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้คือบทของ ชิน ฮากยุน ที่รับบท อีดงซิก กุญแจสำคัญของเรื่อง ซึ่ง ฮากยุน ก็ถ่ายทอดความบ้า ความกล้าหาญ ไปจนถึงความอ่อนแอของตัวละครนี้ได้สมบทบาท   จนถูกยกให้เป็นการแสดงที่ดีที่สุดของซีรีส์ชุดนี้

Beyond Evil
Beyond Evil

สำหรับข้อเสียของ Beyond Evil ที่เห็นได้ชัดคือช่วงท้ายเรื่องที่ซีรีส์เริ่มดรอปลงพอสมควร โดยเฉพาะในด้านสืบสวน เหมือนกับซีรีส์สืบสวนบางเรื่องของเกาหลี

ที่ผู้สร้างใช้วิธีการเล่าแบบรีบเฉลยต้วคนร้ายก่อนจะถึงจุดพีค หรือบทสรุป เพื่อหว้งซื้อใจคนดู การทำแบบนี้ทำให้ซีรีส์ระทึกขวัญ น่าติดตามมากยิ่งขึ้น แต่เสน่หฺในการตามหาความจริงของตัวเอกกลับดรอปลงไปอย่างน่าเสียดาย

โดยรวม Beyond Evil ถือว่าเป็นอีกหนึ่งซีรีส์สืบสวนน้ำดีจากเกาหลี ที่ให้อารมณ์ต่างจาก Mouse พอสมควร เรื่องนี้เล่าเรื่องได้สมจริงกว่า เชื่องช้ากว่า แต่ความสัมพันธ์ของตัวละครก็ลึกซึ้งกว่าด้วยเช่นกัน ใครที่ชื่นชอบซีรีส์ที่เต็มไปด้วยการหักมุม บทเฉือนคมตลอดทั้งเรื่อง นี่เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาด

ติดตามอัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์

Cr.ภาพ: hancinema

Categories
series

รีวิวซีรีส์ Mare of Easttown

รีวิวซีรีส์ Mare of Easttown: อีกหนึ่งซีรีส์สืบสวนที่ดีที่สุดของปี 2021 ที่มาพร้อมการสืบสวนสุดเข้มข้น ดราม่าที่ชวนบีบอารมณ์ และสะท้อนสังคมได้อย่างตรงไปตรงมา

HBO เรียกได้ว่าเป็นช่องที่ผลิตซีรีส์น้ำดีมาให้คอซีรีส์ได้ชมมากที่สุดช่องหนึ่งก็ว่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอนเทนต์ประเภท Limited Series ที่ล้วนแต่การันตีคุณภาพตั้งแต่ทีมผู้สร้าง นักแสดงนำ

ไปจนถึงเนื้อหา ไม่ว่าจะเป็น The Brand of Brothers , The Night Of , Chernobyl , I Know This Much Is True

สำหรับในปี 2021 นี้ HBO ก็มี Mare of Easttown อีกหนึ่ง Limited Series ดราม่า สืบสวนสอบสวน ที่ได้ แบรด อิงเกลบี้ มือเขียนบทจาก The Way Back มารับหน้าที่สร้างสรรค์

Mare of Easttown เป็นซีรีส์ที่ว่าด้วยเรื่องราวของเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในเพนซิลเวเนีย ที่ได้เกิดโศกนาฎกรรมขึ้น เมื่อได้มีวัยรุ่นสาวคนหนึ่งได้ถูกฆาตกรรม โดยศพของเธอได้ถูกทิ้งในสภาพเปลือยกายบริเวณแม่น้ำของเมือง แมร์ (เคท วินสเลต)

เจ้าหน้าที่สืบสวนผู้มีอดีตที่เลวร้าย ต้องเข้ามารับหน้าที่สืบคดีนี้ ซึ่งหลังจากที่ แมร์ เริ่มทำการสืบสวนเธอก็ได้พบว่าผู้ต้องสงสัยล้วนแต่เป็นบรรดาคนบ้านใกล้เรือนเคียงที่เธอคุ้นเคย นอกจากนี้ แมร์ ก็ยังต้องทำการสืบสวนคดีการหายตัวไปของเด็กสาว ที่เธอไม่สามารถปิดมันได้มาร่วมปี พร้อมทั้งเธอยังต้องพยายามก้าวผ่านอดีตที่เลวร้ายของตัวเองอีกด้วย

Mare of Easttown

สำหรับ Mare of Easttown เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์ที่เต็มไปด้วยสไตล์งานที่โดดเด่นของ HBO ไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการที่สร้างตัวละครหลักที่มีปมปัญหากับชีวิต ความเป็นสีเทาของผู้คนที่ไม่มีคนดี หรือคนเลว 100% รวมถึงการเล่าเรื่องที่เนิบช้า เน้นดราม่านำ และสืบสวนตาม ทำให้ความสนุกของซีรีส์เรื่องนี้ชวนให้เรานึกถึงซีรีส์ True Detective ซีซั่น 1 ที่ถูกยกให้เป็นงานมาสเตอร์พีซอีกเรื่องของช่องนี้

Mare of Easttown

ซีรีส์ไม่ได้พยายามยัดเยียดความเป็นหนังสืบสวนตั้งแต่ตอนแรก โดยเริ่มต้นซีรีส์จะใช้วิธีการเล่าแบบค่อย ๆ ปูเรื่องจากการแนะนำตัวละคร และความสัมพันธ์ต่าง ๆ ที่จะกลายเป็นปมที่ชวนติดตามในตอนต่อ ๆ ไป

หลังจากที่เข้าสู่ตอนที่สองเป็นต้นไปซีรีส์ก็ค่อย ๆ ทวีคูณความน่าติดตาม ความสนุก แบบไล่ระดับ ด้วยการปูคาแรคเตอร์ที่แข็งแรง ชัดเจน พร้อมทั้งการวางปม ปริศนาต่าง ๆ ให้คนดูได้ร่วมปะติดปะต่อ

ในขณะเดียวกันซีรีส์ก็นำเสนอพาร์ทดราม่าของตัวละคร แมร์ ควบคู่กันไป ความน่าสนใจของเรื่องนี้คือปมของตัว แมร์ ที่ค่อนข้างเยอะ และหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าตัวคดีที่เธอรับผิดชอบ ซึ่งตัวซีรีส์ก็สามารถเล่าเรื่องของพาร์ทดราม่านี้ ให้เดินหน้าควบคู่ไปกับพาร์ทสืบสวนได้อย่างลงตัว

ในส่วนของประเด็นของซีรีส์เรื่องนี้ คือการพยายามพูดถึงชีวิตความเป็นอยู่ของคนในเมืองเล็ก ๆ ที่มีวิถีชีวิตที่ไม่ได้สุขสบายนัก ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้เต็มไปด้วยปัญหาทางสังคมมากมาย ทั้งอาชญากรรม การทำร้ายร่างกาย และที่โดดเด่นมาก ๆ ในเรื่องนี้คือเรื่องการตั้งครรภ์ในวัยที่ไม่พร้อม

อีกส่วนที่เป็นเสน่ห์ของซีรีส์ชุดนี้คือการทำให้เมืองที่ตัวละครอาศัยนั้น เป็นอีกหนึ่งตัวละครสำคัญของเรื่อง ที่เต็มไปด้วยคนที่มีสมบูรณ์แบบ ที่ต่างต้องการการเติมเต็ม และก้าวผ่านปัญหาชีวิต

Mare of Easttown

การแสดงของทีมนักแสดงแต่ละคนก็สามารถถ่ายทอดบทบาทของตัวเองได้อย่างน่าชื่นชม ด้วยความที่ทุกตัวละครมีทั้งพาร์ทดราม่า มีอดีตที่เลวร้ายของตัวเองซ่อนอยู่ทำให้ในเรื่องนี้ผู้ชมจะได้เห็นแต่ละตัวละครในเรื่องล้วนต้องก้าวผ่านอดีตที่เลวร้าย และอุปสรรคชีวิตของตัวเอง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เคท วินสเลต ผู้รับบทตัวเอกของเรื่องนี้ ที่ต้องเป็นทั้งจุดศูนย์กลางของเรื่องทั้งหมด และยังต้องเป็นตัวละครที่ต้องก้าวผ่านอดีตที่เลวร้ายของตัวเอง ซึ่งตัว เคทเองก็สามารถเข้าถึงอารมณ์ได้อย่างน่าชื่นชม จนทำให้คนดูอย่างเราอยากเอาใจช่วยตัวละครของเธอไปจนจบเรื่อง

Mare of Easttown

ด้วยการถ่ายทอดเรื่องราวที่สมจริง การวางมิติตัวละครที่ค่อนข้างแข็งแรง พร้อมทั้งประเด็นของซีรีส์ที่มันเกิดขึ้นรอบตัวทุกคนในทุกวันนี้ ทำให้ Mare of Easttown เป็นซีรีส์สืบสวน ดราม่า ที่ดีที่สุดอีกเรื่องหนึ่งของปีนี้

ในความยาวเพียง 7 EP. ซีรีส์ได้มอบหลากหลายอรรถรสให้กับคนดู ทั้งความเป็นหนังสืบสวนสุดเข้มข้น ดราม่า โศกนาฎกรรม ไปจนถึงความเป็นหนังครอบครัว สำหรับใครที่กำลังมองหาซีรีส์น้ำดี เนื้อหากระชับ ไม่ต้องใช้เวลาในการดูนานเกินไป เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่ง

Cr.ภาพ: IMDB

#siries #series-nime.com