Categories
series

รีวิวซีรีส์ Archive 81:ซีรีส์สยองขวัญ

รีวิวซีรีส์ Archive 81:ซีรีส์สยองขวัญ จากการอำนวยการสร้างของ เจมส์ วาน ที่ยังมาพร้อมความสยองที่ไม่เหมือนใคร มีการดำเนินเรื่องที่ชวนติดตาม คาดเดาไม่ได้

ผลงานซีรีส์สยองขวัญ/ระทึกขวัญ เรื่องล่าสุดจาก Netflix ที่ได้เจ้าพ่อหนังสยองขวัญอย่าง เจมส์ วาน (The Conjuring, Malignant) มารับหน้าที่ร่วมอำนวยการสร้าง พร้อมได้ รีเบคก้า ซอนเนลสัน (ซีรีส์ The Boys) มารับหน้าที่โชว์รันเนอร์

รีวิวซีรีส์ Archive 81

Archive 81 จะว่าด้วยเรื่องราวของ แดน (มาโมดูว อาธี่) คนดูแลรักษาเทปวีดีทัศน์ ชนิดต่าง ๆ ที่วันหนึ่งเขาได้รับการติดต่อจาก เวอร์จิล (มาร์ติน โดโนแวน) มหาเศรษฐี ที่ได้ว่าจ้างให้เขาทำงานซ่อมวีดีโอเทปชุดหนึ่งที่เก็บมาได้จากซากตึกที่โดนไฟไหม้เมื่อปี 1994 ในระหว่างที่ แดน ทำการซ่อมเทปเขาก็ได้พบว่าเทปวีดีโอชุดนี้ได้มีเงื่อนงำบางอย่างที่โยงไปถึงพ่อของเขา พร้อมทั้งยังพบว่าผู้คนที่เกี่ยวข้องกับเทปนั้นเกี่ยวข้องกับลัทธิบางอย่าง ที่มันได้นำพาให้แดน ต้องพบเจอกับเรื่องลี้ลับ เหนือธรรมชาติ

รีวิวซีรีส์ Archive 81

ความน่าสนใจของ Archive 81 คือการเล่นกับความสยองในรูปแบบอื่น ๆ ที่ไม่ใช่แค่ผีสาง หรือความสยดสยองตามที่คุ้นเคย ตัวซีรีส์ใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบหนังสืบสวน ที่ค่อย ๆ เผยความจริงทีละนิด ๆ โดยใช้เทปวีดีโอเป็นตัวบอกใบ้ ความน่ากลัว ความระทึกของซีรีส์อาจไม่ได้มากจากแค่เรื่องเหนือธรรมชาติ แต่คือจิตใจอันดำมืด และลึกลับของตัวละคร ที่ยากจะคาดเดา โดยเรื่องนี้ยังเป็นอีกครั้งที่ Netflix นำพลอตเกี่ยวกับลัทธิมาเล่น และมันก็ยังคงสร้างความน่าขนลุกได้อย่างดีเยี่ยม

รีวิวซีรีส์ Archive 81

นอกจากการนำเสนอความสยอง ความระทึกที่ไม่ซ้ำใครแล้ว Archive 81 ยังมาพร้อมการดำเนินเรื่องที่สนุก ชวนติดตาม ด้วยการนำเสนอเหตุการณ์เป็นสองเส้นเรื่อง คือเส้นเรื่องปัจจุบัน และเส้นเรื่องในอดีตที่เป็นเหตุการณ์ในเทป ซึ่งทีมผู้สร้างได้หาวิธีในการเชื่อมเส้นเรื่องออกมาได้อย่างน่าสนใจ และชวนให้คนดูอยากคลิกตอนต่อไปเพื่อค้นหาความจริงร่วมกับตัวละคร ก่อนที่ซีรีส์จะมอบเซอร์ไพรส์ในช่วงท้ายที่เกินคาดเดา

รีวิวซีรีส์ Archive 81

นอกจากวิธีการดำเนินเรื่องที่ทำออกมาได้ชวนติดตามแล้ว อีกส่วนที่น่าชื่นชมของ Archive 81 คือการใช้กิมมิคของตัวเองมานำเสนอได้อย่างสร้างสรรค์ โดยตัวซีรีส์ได้ใช้ประโยชน์จากความเป็นวีดีโอเทปอนาล็อก มาใส่ในฉากเปิดเรื่อง ที่แต่ละตอนจะมีฉากเปิดเป็นฟุตเทจล้อเลียนหนัง โฆษณา และสื่อต่าง ๆ ในช่วงยุค 1920-1990 หากใครที่เติบโตมากับสื่อเหล่านี้น่าจะได้รำลึกถึงความทรงจำเก่า ๆ อีกครั้ง

รีวิวซีรีส์ Archive 81

โดยรวม Archive 81 นับว่าเป็นอีกซีรีส์สนุก ๆ รับต้นปี 2022 ของ Netflix ที่ไม่ควรพลาด ซีรีส์มาพร้อมการดำเนินเรื่องที่สนุก ชวนติดตาม และมาพร้อมรูปแบบความสยองที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ซีรีส์ยังปูทางไปสู่ซีซั่น 2 ได้อย่างชวนติดตาม ใครที่เป็นสายซีรีส์ระทึกขวัญ/สยองขวัญไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

สามารถรับชม Archive 81 ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: Netflix

ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/ibxKEqxARkE

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง

Categories
series

รีวิวซีรีส์ Mouse

Mouse ซีรีส์สืบสวน ระทึกขวัญ ที่เต็มไปด้วยลีลาการเล่าเรื่อง และการสับขาหลอกที่ชวนเหวอตั้งแต่ต้นจนจบ

Mouse เป็นอีกหนึ่งซีรีส์เกาหลีที่เป็นกระแสในไทยพอสมควรในช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมา โดยซีรีส์เรื่องนี้เป็นแนวสืบสวนสอบสวน ระทึกขวัญ ที่หยิบประเด็นยอดนิยมของหนังหรือซีรีส์แนวนี้มาเล่าอย่างเรื่องของฆาตกรต่อเนื่อง โดยความโดดเด่นของ Mouse คือกระแสปากต่อปากในเรื่องของความโหด ดิบ และความซับซ้อนซ่อนเงื่อน ที่เหนือชั้นกว่าคนดูจะสามารถคาดเดาได้

โดยซีรีส์จะพูดถึงเรื่องราวของประเทศเกาหลีใต้ ที่ทางรัฐบาล และนักวิทยาศาสตร์ด้านจิตวิเคราะห์ ได้วางแผนออกนโยบายให้มีการตรวจ DNA ของทารก ว่ามียีนของฆาตกร หรือเป็นนักล่าหรือไม่ หากทารกคนนั้นมียีนดังกล่าวก็จะทำการทำแท้งเด็กคนนั้น เพื่อยับยั้งการที่เด็กคนนั้นอาจเติบโตมาและเป็นฆาตกรต่อเนื่องในอนาคต ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นก็ได้เกิดคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญของ ‘นักล่าหัว’ ฆาตกรต่อเนื่องผู้มักจะตัดหัวของเหยื่อออกอาละวาด จนเมื่อฆาตกรผู้นี้ได้ทำการฆ่าเหยื่อรายใหม่เป็นครอบครัวเล็ก ๆ ครอบครัวหนึ่ง โดยเขาได้ฆ่า พ่อ แม่ และทำร้ายพี่ชายจนบาดเจ็บสาหัส โกมูซี ลูกชายคนเล็กของครอบครัวดังกล่าวเป็นเพียงคนเดียวที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวมาได้ และสามารถช่วยให้ตำรวจจับตัวคนร้ายมาได้ในที่สุด

แต่ทว่าเมื่อ โกมูซี เติบโตมาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ต้องการที่จะหาทางเข้าไปล้างแค้น ‘นักล่าหัว’ แทนครอบครัวให้ได้ ในตอนนั้นเองก็ได้มีคดีฆาตกรรมต่อเนื่องครั้งใหม่ ที่เหยื่อทุกรายจะถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยม และมีนัยยะที่้เกี่ยวข้องกับศาสนาคริสต์ โกมูซี ต้องร่วมมือกับ จองบารึม เจ้าหน้าที่ตำรวจหน้าใหม่ไฟแรง เพื่อหาตัวคนร้ายของคดีฆาตกรรมต่อเนื่องนี้ให้ได้ โดยพวกเขาหารู้ไม่ว่าปริศนาในครั้งนี้ได้มีความลับที่เกี่ยวข้องกับอดีตอันเลวร้ายของทั้งสองซ่อนอยู่

ความน่าสนใจของ Mouse อย่างแรกคือการที่ซีรีส์มีการถ่ายทอดที่อ้างอิงงานสืบสวนสอบสวนอันโด่งดังมาเป็นแรงบันดาลใจหลายเรื่อง ตลอดทั้งเรื่องผู้ชมจะได้เห็นกลิ่นอาย หรืออีสเตอร์เอ้ก จากเหล่าหนังสืบสวนที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็น คาแรคเตอร์ของ ‘นักล่าหัว’ ที่อิงมาจาก ฮานนิบาล เล็กเตอร์ จาก The Silence of the Lambs, ดนตรีประกอบสุดระทึกจาก Phycho, วิธีการฆ่าที่แฝงนัยยะคล้ายกับใน Se7en หรือการสร้างตัวตนสองบุคลิกแบบ เด็กซ์เตอร์ มอร์แกน จากซีรีส์ Dexter ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ถูกผสมผสานไว้ในการเล่าเรื่อง การสร้างสรรค์ตัวละครในเรื่องนี้เอาไว้ได้อย่างลงตัว

ความสนุกของซีรีส์ในช่วงแรกจะมาในโทนแบบหนังไล่ล่าระทึกขวัญที่คุ้นเคย แต่ด้วยความที่ซีรีส์ได้เล่นอารมณ์กับคนดูตั้งแต่ตอนแรก ที่ดูแล้วชวนบีบอารมณ์ ก่อนที่หลังจากนั้นจะค่อย ๆ ไล่ระดับความสนุกเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ เราจะได้สนุกเพลิดเพลินกับการเอาใจช่วยตัวละครในการไล่ล่าตัวคนร้าย ด้วยการเล่าเรื่องที่กระชับ รวดเร็ว พร้อมทั้งยังมีซีนสะเทือนใจ ซีนลุ้นระทึกใส่มาแบบแทบจะทุกตอน ทำให้ใครที่เมื่อได้เปิดดูตอนแรกของ Mouse แล้ว ก็ยากที่จะไม่กดดูตอนต่อไปในทันที

แต่สิ่งที่พิเศษของ Mouse กลับไม่ใช่แค่การสืบสวน การไล่ล่าคนร้ายเท่านั้น แต่ซีรีส์ยังซ่อนไม้เด็ดในช่วงหลังจากตอนที่ 7 เป็นต้นไป ที่ซีรีส์ได้มีการสับขาหลอกคนดูครั้งสำคัญ ที่ทำให้หลังจากนั้นการเล่าเรื่องของซีรีส์เรื่องนี้ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ซีรีส์ค่อย ๆ หลอกล่อคนดูไปทีละนิดละน้อย ก่อนที่จะสับขาหลอกอีกครั้งต่อไปเรื่อย ๆ จนคนดูไม่สามารถคาดเดาเนื้อหาใด ๆ ได้ นอกจากนี้การหักมุมแต่ละครั้งของเรื่องก็คือการเฉลยปมต่าง ๆ ในตอนก่อนหน้า ซึ่งทุกอย่างซีรีส์ได้ปูเรื่องเอาไว้เพื่อเตรียมหลอกล่อคนดูได้อย่างชาญฉลาด

อีกหนึ่งส่วนที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้คือการแสดงของ อีซึงกิ จากซีรีส์ Vagabond ที่ในเรื่องนี้ใครที่อยากเห็นเขาโชว์ลีลาบู๊ ก็จะได้เห็นเช่นเดิม แต่จะเป็นลีลาบู๊ที่มีความหนักแน่น สมจริงกว่าอีกเรื่อง ที่สำคัญในเรื่องนี้เขาต้องรับบทเป็นชายสองบุคลิก ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มันทำให้ตัวละคร จองบารึม ของเขาในเรื่องนี้ดูมีมิติ มีความลึกลับ น่าค้นหา ซึ่งตัว อีซึงกิเองก็ถ่ายทอดความแตกต่างทางอารมณ์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นตัวละครที่หลายคนน่าจะทั้งชื่นชอบ และหวาดกลัวได้ในเวลาเดียวกัน

อย่างไรก็ตามแม้ว่า Mouse จะเป็นซีรีส์ที่เต็มไปด้วยการเล่าเรื่องที่สับขาหลอก และลูกเล่นที่ชวนติดตาม แต่ตัวซีรีส์ก็ยังค่อนข้างมีปัญหาที่ยากจะมองข้าม อย่างแรกคือการที่ซีรีส์มีการดำเนินเรื่องที่รวดเร็วเกินไป ทุกวินาทีในแต่ละตอนแทบจะไม่มีจังหวะให้ตัวละคร หรือคนดูได้หยุดพัก โดยเฉพาะในตอนท้าย ๆ ที่ซีรีส์ค่อนข้างยัดเยียดทุกสิ่งทุกอย่างมาใส่ในรวดเดียว ทำให้นอกจากความสนุกตื่นเต้นแล้ว คนดูอาจต้องทำใจให้พร้อมที่จะเหนื่อยไปกับการเล่าเรื่องของซีรีส์เรื่องนี้
อีกส่วนหนึ่งที่เป็นข้อด้อยของ Mouse คือความไม่สมเหตุสมผลบางอย่างของเรื่องราว ด้วยความที่ซีรีส์พยายามขายความหักมุมในช่วงท้ายจนเกินไป ทำให้ในบางประเด็น บางการกระทำของตัวละครออกมาดูขาดน้ำหนักเท่าที่ควร นอกจากนี้ซีรีส์ยังใช้จังหวะการเล่าเรื่องที่เล่นกับความบังเอิญของเหตุการณ์เพื่อเพิ่มความตื่นเต้นถี่จนเกินไป จนทำให้บางช่วงความสนุกของซีรีส์เรื่องนี้ดูประดิษฐ์ และดูพยายามเกินไป จนเสน่ห์ที่หนังสืบสวนควรมีหายไปอย่างน่าเสียดาย

ตัวอย่าง

โดยรวม Mouse ถือว่าเป็นซีรีส์สืบสวน ระทึกขวัญ อีกเรื่องจากเกาหลีที่ถือว่าเป็นสีสันใหม่ของวงการหนังหรือซีรีส์แนวนี้ ด้วยลูกเล่นของการนำเสนอที่แพรวพราว และการให้ความเคารพต่อหนังสืบสวนในอดีต ซีรีส์เรื่องนี้เลยไม่ต่างจาก “จดหมายรักที่มีต่อหนังสืบสวน ระทึกขวัญ” แม้ว่ามันจะไม่ได้ดีเทียบเท่ากับงานชั้นครูเหล่านั้น แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นซีรีส์ที่เข้มข้น ชวนติดตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครที่ชอบหนังที่ชวนให้ขบคิดตาม มีเนื้อหาที่หักมุม ไม่สามารถเดาทิศทางได้ นี่คืออีกเรื่องที่ไม่อยากให้พลาดด้วยประการทั้งปวง

#รีวิวซีรีส์ #Mouse #สืบสวน #ระทึกขวัญ #ซับซ้อนซ่อนเงื่อน #ซีรีส์เกาหลี #ฮิตติดกระแส #series #anime #ข่าวอัพเดต

Cr.ภาพ: Hancinema