Categories
series

รีวิวหนัง No One Gets Out Alive

No One Gets Out Alive อีกหนึ่งงานสยองขวัญสูตรสำเร็จจาก Netflix ที่แม้การเล่าเรื่องจะไม่ใหม่ แต่ความหลอน ความน่ากลัว

ความลึกลับกลับทำออกมาได้ชวนติดตาม โดยเฉพาะตอนจบ ที่เต็มไปด้วยเซอร์ไพรส์ที่ไม่ควรพลาด

เรียกได้ว่าเป็นค่ายที่ทยอยปล่อยหนัง และซีรีส์สยองขวัญ ระทึกขวัญ ออกมาให้ได้ชมกันแบบต่อเนื่องไปแล้ว สำหรับ Netflix ที่แต่ละวีค จะมีหนังแนวนี้ทั้งจากฝั่งเอเชีย และตะวันตกออกมาให้ชมแบบไม่ขาดสาย สำหรับ No One Gets Out Alive คือหนึ่งในงานล่าสุดของสตรีมดัง ผลงานการกำกับเรื่องแรกของ ซานเตียโก เมนกินี เขียนบทโดย จอน โครเกอร์ (The Woman in Black 2: Angel of Death) และ เฟอร์นันดา ค็อปเปล (ซีรีส์ How to Get Away with Murder) ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือของ อดัม เนวิลล์

No One Gets Out Alive
No One Gets Out Alive

ตัวหนังจะว่าด้วยเรื่องราวของ เอมบาร์ (คริสติน่า ร็อดโล) หญิงสาวชาวเม็กซิกัน ที่ได้เดินทางเข้ามาทำงานในอเมริกาอย่างผิดกฎหมาย โดยเธอได้ไปเช่าอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งอยู่ ที่นั่นเธอได้พบกับ เรด (มาร์ค เมนชาลา) เจ้าของบ้านมาดโหด ที่มาพร้อมพฤติกรรมที่ไม่น่าไว้วางใจ ซึ่งในระหว่างที่ เอมบาร์ อาศัยอยู่ที่อพาร์ทเมนต์แห่งนี้ เธอก็ได้พบกับเหตุการณ์ชวนขนลุกมากมาย จนเมื่อเธอได้พบความจริงทั้งหมดของที่แห่งนี้ มันก็ได้เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล

No One Gets Out Alive
No One Gets Out Alive

No One Gets Out Alive ยังคงเป็นหนัง Gerne แนวสยองขวัญสูตรสำเร็จ ที่มาพร้อมการดำเนินเรื่องที่ไม่ได้แปลกใหม่ หรือหวือหวามาก ตัวหนังดำเนินเรื่องแบบที่พอเดาทิศทางได้ แต่ก็ยังสามารถมอบความบันเทิงให้กับคนดูได้เป็นอย่างดี

No One Gets Out Alive
No One Gets Out Alive

โดยหนังมาพร้อมกับการสร้างเงื่อนไขที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกให้กับตัวละคร ที่ต้องเอาชีวิตรอดจากทั้งชีวิตการงาน และการเอาชีวิตรอดจากสิ่งลี้ลับ ความสนุกของหนังคือการที่คนดูได้ร่วมเอาใจช่วยไปกับตัว เอมบาร์ ที่ต้องเผชิญกับสถาการณ์อันน่าอึดอัดตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งหนังก็ค่อย ๆ ไต่ระดับความสนุก เข้มข้น ไปพร้อม ๆ กับการค่อย ๆ เผยความสยองที่คนดูแทบจะคาดเดาไม่ได้ ว่าจะต้องเผชิญกับอะไรบ้างในตอนจบ ซึ่งขอแนะนำว่าหากยิ่งรู้น้อยกับเรื่องนี้ อาจทำให้คุณประทับใจกับหนังเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น

No One Gets Out Alive
No One Gets Out Alive

ด้านความน่ากลัว สำหรับเรื่องนี้อาจไม่ได้เป็นหนังผีที่ขายฉากตุ้งแช่ หรือความสยดสยองมากนัก ผีในเรื่องนี้ก็จะมาในรูปแบบของร่างคนที่คอยมาทำหน้าที่บอกใบ้เหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งผู้สร้างก็ได้มีการเล่นกับจังหวะการปรากฏตัวของผี ออกมาได้อย่างมีชั้นเขิง ในการสามารถสร้างบรรยากาศที่น่าขนลุก นอกจากนี้หนังยังซ่อนไฮไลท์เด็ดเอาไว้ในช่วงท้าย ที่จะเผยความสยดสยอง ความโหด ที่จะเซอร์ไพรส์คนดู ที่อาจกลายเป็นอีกหนึ่งตอนจบที่น่าจดจำไม่น้อย

ในส่วนของข้อเสียของ No One Gets Out Alive คือความที่หนังมาพร้อมความยาวที่ค่อนข้างจำกัด ด้วยความยาวเพียง 1 ชั่วโมง 27 นาที ทำให้หนังต้องเล่าเรื่องแบบกระชับ รวบรัด จนทำให้ความเข้มข้น หรือดีเทลล์บางอย่างของหนังหายไป โดยเฉพาะการนำเสนอความน่ากลัวของผีในเรื่อง ที่ทำออกมาได้ไม่สุดเท่าที่ควร

No One Gets Out Alive
No One Gets Out Alive

โดยสรุป No One Gets Out Alive เป็นอีกหนึ่งหนังสยองขวัญสูตรสำเร็จ ที่ตัวเรื่องอาจไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ หวือหวามาก แต่ด้วยโทนเรื่อง และวิธีการสร้างสรรค์ความน่ากลัวที่มีชั้นเชิง ทำให้หนังเรื่องนี้ ถือว่าเป็นอีกเรื่องที่มีของดีในตัวไม่แพ้หนังสยองขวัญเรื่องอื่น ๆ ใครที่ชอบหนังแนวบ้านผีสิง เนื้อหาสนุก ชวนติดตาม นี่เป็นอีกเรื่องที่อยากแนะนำ

สามารถรับชม No One Gets Out Alive ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

No One Gets Out Alive

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes

Categories
series

รีวิวหนัง Freaky

Freaky หนังสยองขวัญ ปนคอเมดี้ จากผู้สร้าง Happy Death Day ที่ผสมผสานระหว่างความโหด และความตลกออกมาได้ลงตัว

กับการแสดงของ วินซ์ วอห์น ในมาดตุ้งติ้ง ที่สร้างสีสันให้หนังได้ตลอดทั้งเรื่อง

Freaky เป็นหนังสยองขวัญ คอเมดี้ ผลงานการสร้างโดย Universal และ Blumhouse Productions ที่กำกับและเขียนบทโดย คริสโตเฟอร์ แลงดอน ที่เคยสร้างผลงานสุดโด่งดังอย่าง Happy Death Day โดยครั้งนี้เขาก็ยังมาในหนังสไตล์ไล่เชือด ที่มาพร้อมพลอตที่แปลก แหวกแนวไม่ซ้ำใคร

Freaky
Freaky

โดยหนังจะว่าด้วยเรื่องราวของ มิลลี่ (แคทเทอรีน นิวตัน) หญิงสาวสุดแสนธรรมดา และมักจะโดนรังแกจากเพื่อน ๆ ในโรงเรียน จนกระทั่งในคืนหนึ่ง มิลลี่ ก็ได้พบกับ ‘นักเชือด’ (วินช์ วอห์น) ฆาตกรโรคจิตที่กำลังออกอาละวาด ซึ่งในคืนนั้น มิลลี่ ถูก ‘นักเชือด’ ตามล่าเอาชีวิต แต่ในนาทีความเป็นความตายนั่นเองก็ได้เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้น เมื่อวิญญาณของ มิลลี่ และ ‘นักเชือด’ เกิดสลับร่างกัน หนทางเดียวที่จะแก้ไขสถานการณ์นี้คือ มิลลี่ และเพื่อน ๆ จะต้องช่วยกันแก้คำสาปภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นร่างของเธอและ ‘นักเชือด’ จะไม่สามารถกลับคืนร่างเดิมได้อีก

Freaky
Freaky

Freaky ยังคงเป็นหนังสยองขวัญ สไตล์ คริสโตเฟอร์ แลงดอน ที่เปี่ยมไปด้วยลายเซ็นที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอผ่านตัวเอกที่เป็นผู้หญิง การเล่าเรื่องแบบเคารพหนังไล่เชือดยุค 80 และความบันเทิงที่แปลกใหม่แบบ Blumhouse ที่เมื่อนำมาผสมกัน มันเลยได้เป็นหนังที่ดูสนุกครบรสอีกเรื่อง

Freaky
Freaky

ความพิเศษของ Freaky คือการผสมผสานระหว่างหนัง Coming-of-Age และหนังไล่เชือดออกมาได้ค่อนข้างลงตัว โดยด้านความเป็นวัยรุ่นของหนังเรื่องนี้ ก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ เต็มไปด้วยชีวิตชีวา มีมุกตลก เคล้าดราม่า ที่ทำให้คนดูรู้สึกร่วมไปกับตัวละครมิลลี่ ในขณะเดียวกันพาร์ทสยองขวัญ ระทึกขวัญ หนังก็ทำออกมาได้ชวนติดตาม โดยเฉพาะความโหด ความรุนแรง ที่ยังจัดเต็มสมกับความเป็นหนังไล่เชือดโดยแท้จริง

Freaky
Freaky

ในด้านข้อเสียของ Freaky คือความไม่สมูธในการเล่าเรื่องบางช่วง เมื่อหนังพยายามขายคอเมดี้ มากเกินไปทำให้บางช่วงของหนังขาดความตื่นเต้น ความระทึกอย่างที่ควร โดยเฉพาะพาร์ทของการไล่เชือด ที่มีน้อยนิด และยังทำออกมาไม่สุดเท่าที่ควร รวมทั้งมิติตัวละคร ‘นักเชือด’ ที่หนังแทบจะไม่ได้ให้ความสำคัญ และพูดถึงเท่าที่ควร ทำให้ท้ายที่สุด ‘นักเชือด’ ในหนังเรื่องนี้ก็ไม่ต่างจากฆาตกรโรคจิตทั่วไป ที่พร้อมมาไล่ล่า และถูกลืมไปอย่างน่าเสียดาย

โดยรวม Freaky นับว่าเป็นอีกผลงานสยองขวัญโดย คริสโตเฟอร์ แลงดอน ที่ไม่ได้มีดีแค่ความโหด แต่หนังยังพูดถึงชีวิตวัยรุ่น การก้าวผ่านพ้นวัย ที่จะทำให้การไล่เชือดในเรื่องนี้เปี่ยมไปด้วยมิติ และสีสัน ที่จะทำให้คุณทั้งลุ้น ทั้งเสียว สยอง และขำกลิ้งไปในเวลาเดียวกัน

สามารถรับชม Freaky ได้แล้ววันนี้ที่ HBO GO

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes