Categories
anime

รีวิวอนิเมะ Monster season 1

Monster คืออีกหนึ่งอนิเมะซีรีส์ขึ้นหิ้งแห่งยุค 2000 ที่ดัดแปลงมาจากมังงะเขียนโดย นาโอกิ อุราซาวะ (20th Century Boys) ที่จะว่าด้วยเรื่องราวของ ดร.เท็นมะ หมอศัลยแพทย์อัจฉริยะที่วันหนึ่งเขาได้ช่วยชีวิตเด็กชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่า โยฮัน ที่เกือบตายจากการถูกยิงเข้าที่ศีรษะ

แต่ทว่าการช่วยชีวิตในครั้งนั้นมันได้เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล เมื่อแท้จริงแล้ว โยฮัน คือเด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมต่อเนื่องในเยอรมณี ในขณะที่ เท็นมะ ถูกใส่ร้ายว่าคือฆาตกรไปโดยปริยาย ทางเดียวที่เขาจะพิสูจน์ความบริสุทธ์ของตัวเองคือตามหาตัว โยฮัน และหาคำตอบของเรื่องทั้งหมด

ความพิเศษของ Monster คืออนิเมะญี่ปุ่นที่มาพร้อมบริบทของหนัง หรือซีรีส์ฮอลีวูด มากกว่าที่จะเป็นอนิเมะญี่ปุ่นในภาพจำของหลาย ๆ คน ตัวซีรีส์มาพร้อมเนื้อหาที่ค่อนข้างมีความเป็นผู้ใหญ่ จริงจัง โดยเฉพาะความดาร์กจากการนำเสนออีกด้านของจิตใจมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการคอรัปชัน การแสวงหาผลประโยชน์ การก่ออาชญากรรมต่าง ๆ ที่ถูกนำเสนอได้อย่างตรงไปตรงมา

อีกหนึ่งจุดขายของตัวซีรีส์ Monster คือการเป็นงานที่แจ้งเกิดของ นาโอกิ อุราซาวะ ในการเป็นนักเขียนการ์ตูนแนวลึกลับ สืบสวนสอบสวน ซึ่งในเรื่องนี้หนังมีจุดขายในการถ่ายทอดพาร์ทสืบสวนสอบสวน ไล่ล่า และความระทึกขวัญ ออกมาได้ชวนติดตาม ตลอดเรื่องราวของซีรีส์เต็มไปด้วยความลับ และปมปริศนา ที่ให้คนดู และตัวละครร่วมกันไปหาคำตอบจากจิ๊กซอว์ที่ปรากฎในแต่ละตอน

ไม่ใช่พาร์ทสืบสวน และระทึกขวัญที่ทำออกมาได้อย่างเข้มข้น ชวนติดตามแล้ว พาร์ทดราม่าในเรื่องนี้ก็ทำออกมาได้อย่างน่าชื่นชม ซีรีส์สามารถตีประเด็นหน้าที่ และความสำคัญของอาชีพหมอ ได้อย่างชัดเจน ดีเยี่ยม รวมถึงสอดแทรกพาร์ทการเมือง ประวัติศาสตร์ของเยอรมัน มาเป็นองค์ประกอบในการเล่าเรื่องได้อย่างลงตัว

แต่ด้วยความที่เป็นเพียงพาร์ทแรกของอนิเมะ ทำให้ในซีซั่นแรกของ Monster ยังมีตอนที่เป็นช่วงปูเนื้อหาค่อนข้างเยอะ ทำให้บางตอนของอนิเมะ ค่อนข้างเนิบช้า น่าเบื่อไปบ้าง แต่กระนั่นความน่าเบื่อในเรื่อง มันก็ปูทางไปสู่ความสมบูรณ์แบบในช่วงต่อ ๆ ไปของเรื่องได้เป็นอย่างดี

โดยสรุป Monster season 1 คืออีกหนึ่งอนิเมะน้ำดี ที่เต็มไปด้วยฉากเปิดเรื่องที่ทรงพลัง และน่าจดจำ เวอร์ชันอนิเมะสามารถรังสรรค์ภาพจากมังงะ ให้ออกมาโลดแล่นในรูปแบบอนิเมะฟิล์มนัวร์ ที่เต็มไปด้วยความจริงจัง ซีเรียส และการสืบสวนที่สมจริง เข้มข้น ชวนให้ติดตามต่อว่าเนื้อหาในซีซั่นต่อ ๆ ไปจะเป็นอย่างไร

สามารถรับชมอนิเมะ Monster season 1 ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: Netflix

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง

Categories
series

รีวิวซีรีส์ The Consultant ซีรีส์จิตวิทยา ระทึกขวัญ

The Consultant เป็นซีรีส์ดราม่า ระทึกขวัญ จาก Prime Video ผลงานการสร้างสรรค์โดย โทนี่ บาสกัลลอป (ซีรีส์ The Servant) ที่ดัดแปลงมาจากนิยายของ เบนท์ลีย์ ลิตเติล พร้อมได้ทีมนักแสดงมากฝีมือ นำทีมโดย คริสตอฟ วอลท์ (No Time To Die), แนตต์ วูล์ฟ (The Kill Team), บริตธานี่ โอ เกรย์ดี้ (ซีรีส์ The White Lotus) และ เอมี่ คาร์เรอโร (The Menu)

ซีรีส์จะว่าด้วยเรื่องราวของบริษัทเกมชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่ดูแลโดยเด็กหนุ่มชาวเกาหลีอัจฉริยะ จนกระทั่งทุกอย่างในบริษัทก็เปลี่ยนไป เมื่อเจ้าของบริษัทชาวเกาหลีได้ถูกเด็กประถมยิงตายในออฟฟิศ หลังจากนั้นบริษัทนี้ก็ถูกชายปริศนานาม รีจัส พาทอฟ (คริสตอฟ วอลท์) ที่อ้างว่าตนเป็นผู้ช่วยให้คำปรึกษาบริษัท มาดูแลกิจการทั้งหมด ราวกับเป็นเจ้าของคนใหม่ พร้อมทั้งยังทำพฤติกรรมแปลกๆ ในเชิงเผด็จการมากมาย จนทำให้ เคลก (แนตต์ วูลฟ์) และ เอเลน (บริตธานี่ โอ เกรย์ดี้) สองพนักงานที่รู้สึกไม่ไว้วางใจ พาทอฟ ก็ได้ร่วมกันหาความจริงของชายปริศนาผู้นี้

ตัวซีรีส์มาพร้อมการเล่าเรื่องแบบซีรีส์ระทึกขวัญ ที่มีจุดขายคือตัวละครพาทอฟ ที่มีความลึกลับ น่ากลัว และทรงพลัง ชวนให้คนดูอยากติดตามซีรีส์ต่อว่าเรื่องราวของซีรีส์จะไปในทิศทางไหน และอำนาจของเขาจะมีผลอย่างไรต่อเนื้อเรื่องอย่างไรบ้าง ซึ่งซีรีส์ก็สามารถดำเนินเรื่องได้สนุก เข้มข้น ในตลอดทั้ง 8 ตอน

ตัวซีรีส์ไม่ได้มีแค่จุดขายที่ตัวละคร พาทอฟ เท่านั้น แต่ยังมีการเล่นกับสองตัวละครสำคัญอย่าง เคลก และเอเลน ที่ต่างมีมิติที่น่าสนใจ ทั้งความสัมพันธ์ที่เหมือนจะเป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงาน และจุดหมายในการทำงานของทั้งคู่ ที่ซีรีส์ได้สะท้อนภาพของพนักงานออฟฟิศธรรมดา ในตัวละครทั้งสองไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งสองตัวละครนี้ยังทำหน้าที่เป็นนักสืบแทนคนดู ในการหาความจริงต่างๆ ที่เพิ่มอรรถรสให้ซีรีส์มากยิ่งขึ้น

ในแง่ของความลึกลับ ระทึกขวัญ The Consultant อาจไม่ได้มีฉากโหดๆ หรือชวนลุ้นมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นสงครามจิตวิทยาระหว่างตัวละคร ที่ค่อยๆ ไต่ระดับความดึงเครียด ความกดดันขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นหากใครที่หวังดูหนังแนวจิตๆ ขั้นสุดอาจผิดหวังไปบ้าง แต่หากใครชอบแนวดราม่า เนื้อหาหนักๆ อาจชื่นชอบไม่น้อย

ทั้งนี้ขอชื่นชมการแสดงของ คริสตอฟ วอลท์ ที่ยังคงเล่นบทวายร้ายโรคจิตได้อย่างน่าขนลุก ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้มที่ชวนอึดอัด และการสร้างความลึกลับ ทรงพลังผ่านการแสดงที่น้อย แต่มาก ซึ่งเป็นหนึ่งในการแสดงที่แบกซีรีส์เรื่องนี้ไว้ ควบคู่กับ แนตต์ วูลฟ์ และ บริตธานี่ โอ เกรย์ดี้ ที่เป็นอีกสองคาแรคเตอร์ที่สร้างความน่าติดตาม ด้วยเคมีของทั้งสอง ที่มีทั้งโรแมนติก และดราม่า ที่สามารถสร้างอารมณ์ร่วมกับคนดูได้ไม่น้อย

โดยรวม The Consultant เป็นอีกซีรีส์ระทึกขวัญ ที่ทำออกมาได้ชวนติดตาม ซีรีส์นำเสนอความเป็นเผด็จการในออฟฟิศออกมาได้อย่างดีเยี่ยม เป็น 8 ตอน ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่สนุกแบบกระชับ เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าค้นหา เคล้าด้วยดราม่าชั้นดี นับว่าเป็นอีกเรื่องที่คอซีรีส์คุณภาพไม่ควรพลาด

สามารถรับชมซีรีส์ The Consultant ได้แล้ววันนี้ที่ Prime Video

Cr.ภาพ: Prime Video

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง

Categories
manga

รีวิว อนิเมะ Isekai Yakkyoku เภสัชกรเทพสองโลก หมอยาผู้มากับความยุติธรรม

วันนี้เราก็มี การ์ตูน อนิเมะ ดีๆ มาแนะนำกันอีกเช่นเคย มีชื่อเรื่องว่า Isekai Yakkyoku เภสัชกรเทพสองโลก ซึ่งเป็น อนิเมะ แนวแฟนตาซีต่างโลก ที่ทำออกมาได้ดีและน่าติดตามอีกหนึ่งเรื่อง มีเนื้อหาเกี่ยวกับแนวทางการแพทย์และเภสัชศาสตร์ ที่เต็มไปด้วยศาสตร์ความรู้ทางด้านการแพทย์และศาสตร์การปรุงยาเพื่อรักษาอาการป่วยของผู้คนในสองโลก และมาพร้อมกับความแฟนตาซีที่น่าตื่นตาตื่นใจ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ตามเรามาดูกันเลย

Isekai Yakkyoku เภสัชกรเทพสองโลก เป็นแนวเกี่ยวกับอะไร?

• เนื้อหาหลักๆ จะเป็นแนวแฟนตาซีต่างโลกที่น่าตื่นตาตื่นใจ

• เกี่ยวกับศาสตร์ทางการแพทย์และการปรุงยารักษาคนป่วย

• มีความดราม่าในบางฉากบางตอนที่ทำเอาน้ำตาซึมได้เลย

• เกี่ยวกับยุคๆ หนึ่งที่มีความไม่เท่าเทียมกัน ทั้งในเรื่องของชนชั้นสังคมและความเป็นอยู่

เรื่องย่อ อนิเมะ

การ์ตูน อนิเมะ แนวแฟนตาซีต่างโลก เรื่องนี้ จะประกอบไปด้วยตัวละครหลัก ดังต่อไปนี้

• ฟาร์มา เดอ เมเดซิส     เด็กหนุ่มผู้มีความรู้ความสามารถด้านเภสัชศาสตร์และการปรุงยา

• ชาร์ล็อต ซอลลาร์         ล็อตเต้ ข้ารับใช้ของฟาร์มา คอยดูแลและเคียงข้างเขา

• เอเลโอนอร์ บอนฟัว      เอเลน ลูกศิษย์ของพ่อฟาร์มา

• บรูโน เดอ เมเดซิส        พ่อของฟาร์มา แพทย์โอสถหลวงและแกรนด์ดยุคแห่งแซงต์เฟลิฟ

• บลานซ์ เดอ เมเดซิส     น้องสาวฟาร์มา

• จักรพรรดินีอลิซาเบธที่ 2           ผู้บริหารบ้านเมือง มีนิสัยนึกถึงประชาชน

ยาคุทานิ เภสัชกรผู้อุทิศตนให้กับงานวิจัยเพื่อช่วยเหลือผู้คนจำนวนมาก เค้าได้ตั้งใจและโหมทำงานอย่างหนักจนเผลอหลับไป จนพบว่าตัวเองตื่นขึ้นมาในต่างโลกกลายเป็น ฟาร์มา เดอ เมดิซิส บุตรชายคนรองของตระกูลขุนนางชนชั้นสูง

ผู้เป็นแพทย์โอสถหลวงที่มีความรู้ด้านศาสตร์การปรุงยา ทำให้เขาต้องปรับตัวและใช้ชีวิตอยู่ในโลกแห่งนั้น พร้อมทั้งได้ใช้ความรู้ความสามารถด้านเภสัชศาสตร์ที่ร่ำเรียนมาเพื่อช่วยเหลือรักษาผู้คนและทำให้เขาได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากยิ่งขึ้น

จนวันหนึ่งเขาได้เข้าถวายการรักษาให้แก่องค์จักรพรรดินีที่ทรงป่วยหนักจนมีอาการดีขึ้นได้ ทำให้พระองค์ทรงโปรดและได้ประทานรางวัลให้โดยการเปิดร้านขายยาให้แก่เขา ซึ่งนี่ก็คือความใฝ่ฝันที่อยากจะช่วยเหลือผู้คนทุกชนชั้นให้เท่าเทียมกัน

รวมถึงได้ช่วยเหลือชาวบ้านผู้ยากไร้ให้สามารถเข้าถึงการรักษาได้ เรื่องราวการรักษาและช่วยเหลือผู้คนจึงได้เริ่มต้นขึ้น สามารถติดตามชมต่อได้ใน อนิเมะ Isekai Yakkyoku เภสัชกรเทพสองโลก เรื่องนี้ได้เลย

ความน่าสนใจของการ์ตูน อนิเมะ เรื่องนี้

การ์ตูน อนิเมะ แฟนตาซีต่างโลก เรื่อง Isekai Yakkyoku เภสัชกรเทพสองโลก หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า Parallel World Pharmacy มีทั้งหมดด้วยกัน 12 EP. ซึ่งได้เริ่มออกอากาศฉายเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2022 สำหรับความน่าสนใจของเรื่องนี้คือเป็น อนิเมะ ที่มีความรู้เรื่องยาและการรักษาโรคเยอะมากๆ

อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นอีกด้านของสังคมและจรรยาบรรณของแพทย์ที่ดี นอกจากนี้ยังมีความแฟนตาซีที่น่าตื่นตาน่าติดตามแบบไม่อยากให้จบเลย หากใครชื่นชอบก็ตามไปดูกันได้เลยรับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

รูปภาพประกอบ : animekimi.com

รูปภาพประกอบ : nganjuk.pikiran-rakyat.com

รูปภาพประกอบ : sinergianews.com

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง

Categories
series

รีวิวซีรีส์ Atlanta season 1

ผลงานซีรีส์แนวดราม่า ตลกร้าย จากการสร้างสรรค์ และร่วมแสดงนำของ โดนัลด์ โกลเวอร์ (ซีรีส์ Comunity) ที่ได้ทีมนักแสดงนำผิวสีมากฝีมือมาร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็น ไบรอัน ไทรี เฮนรี่ (Bullet Train), ลาคีธ สตีนฟิลด์ (Knives Out) และ ซาซี่ บีตซ์ (Deadpool 2)

เรื่องราวของ Atlanta จะว่าด้วย เอิร์นเนส (โดนัลด์ โกลเวอร์) ชายหนุ่มที่ชีวิตกำลังตกอับ เพราะต้องทำงานที่ไม่ชอบ แถมยังมีภาระมากมายที่ต้องรับผิดชอบ จนกระทั่งวันหนึ่ง เอิร์น ได้พบว่า อัลเฟร็ด (ไบรอัน ไทลี เฮนรี) ลูกพี่ลูกน้องของเขาได้เป็นแร้ปเปอร์ที่มีชื่อในโลกอินเตอร์เน็ต ทำให้ เอิร์น ตัดสินใจอาสารับหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัว แต่การกลับมาเจอกันของพวกเขาครั้งนี้กลับเต็มไปด้วยเรื่องเกรียน ๆ สุดวายป่วง

ตัวซีรีส์มาพร้อมความยาวต่อตอนเพียง 25 นาทีเท่านั้น โดยแต่ละตอนของซีรีส์จะว่าด้วยแต่ละเหตุการณ์ที่ตัวละครเผชิญ ตั้งแต่เรื่องราวเล็ก ๆ ไปจนถึงเรื่องราวสุดวายป่วงใหญ่โต ความสนุกของซีรีส์เป็นการพาคนดูไปสำรวจวิถีชีวิตของตัวละคร และความสัมพันธ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น อย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ในขณะเดียวกันเนื้อเรื่องในแต่ละตอนก็เล่าได้กระชับ ไม่น่าเบื่อ

มุกตลกของ Atlanta เรียกได้ว่าเป็นจุดขายของเรื่องก็ว่าได้ เพราะตลอดทั้งเรื่องซีรีส์ได้อัดแน่นไปด้วยหลากมุกตลกที่ชวนขำ ตั้งแต่มุกตลกหน้าตาย มุกตลกล้อเลียน ไปจนถึงมุกตลกที่แซะ จิกกัดประเด็นสังคม ตั้งแต่การเหยียดเพศ เหยียดผิว ซึ่งแต่ละมุกตลกต่างถูกจับวางในจังหวะที่เหมาะสม ลงตัว จนทำให้นอกจากจะตลกแล้ว ยังช่วยให้เนื้อเรื่องเดินหน้าอย่างชวนติดตาม

ในด้านพาร์ทดราม่า ซีรีส์ก็ทำออกมาได้ดี โดยซีรีส์ได้นำเสนอมิตรภาพ ความรัก ความสัมพันธ์รูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างตรงไปตรงมา แม้ว่าหนังจะไม่ได้มีฉากอารมณ์หนักหน่วงมาก แต่บทสนทนา และการถ่ายทอดอารมณ์ของทีมนักแสดงก็สามารถทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีดีมากกว่าแค่การเป็นซีรีส์ตลก

ด้านการแสดงต้องขอชื่อชมทีมนักแสดงนำในเรื่องทุกคนที่ถ่ายทอดบทได้ถึงอารมณ์ ทุกคนต่างมีเคมีที่เข้ากัน ด้าน โดนัลด์ โกลเวอร์ รับบทพระเอกของเรื่องที่มีเสน่ห์ เปี่ยมไปด้วยความเป็น Loser ที่ชวนให้คนดูอยากเอาใจช่วยไปจนจบ ด้าน ไบรอัน ไทรี เฮนรี และลาคีธ สตีนฟิลด์ ก็ถ่ายทอดฉากตลกหน้าตาย ออกมาได้ชวนขำในหลาย ๆ ฉาก เมื่อทั้งสามมารวมตัวกันมักจะเกิดเป็นความบันเทิงที่ตรึงคนดูได้อยู่หมัด

โดยรวม Atlanta season 1 เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ดราม่า คอเมดี้ ที่เปิดซีซั่นได้อย่างน่าติดตาม ตัวซีรีส์เต็มไปด้วยความตลกที่มีความเป็นธรรมชาติ สามารถสร้างตัวละครหลักให้เป็นแก๊งขี้แพ้ที่น่าติดตาม น่าเอาใจช่วย พร้อมทั้งยังปูเรื่องราวไปสู่ซีซั่นต่อ ๆ ไปได้อย่างดีเยี่ยม

สามารถรับชมซีรีส์ Atlanta season 1 ได้แล้ววันนี้ที่ Disney+​ Hotstar

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง

Categories
series

รีวิว Murderville ซีรีส์สืบสวน

เชื่อว่าหลายคนคงมีภาพจำของซีรีส์สืบสวนว่าเป็นซีรีส์แนว ฟิล์มนัวร์ อาชญากรรม เนื้อหาที่ชวนเครียด หดหู่ แต่สำหรับ Murderville ซีรีส์เรื่องใหม่จาก Netflix หาได้เป็นแบบนั้นไม่ เพราะนี่คือซีรีส์สไตล์ซิตคอม ผสมเกมโชว์ ที่ใช้ซีรีส์สืบสวนเป็นแรงบันดาลใจ

ตัวซีรีส์จะว่าด้วย เทอร์รี่ (วิล อาร์เน็ต) หัวหน้าทีมสืบสวนสุดเปิ่น จอมโวยวาย ที่ได้มองหาเจ้าหน้าที่มาร่วมภารกิจสืบสวนกับเขา โดยซีรีส์จะมีทั้งหมด 6 Ep. และแต่ใน Ep. จะมีแขกรับเชิญที่ต้องมาช่วยเทอร์รี่ไขคดีแบบไม่ซ้ำหน้า ไม่ว่าจะเป็น โคแนน โอ ไบรอัน (The Mitchells vs. The Matchines), มาร์เชล ลินซ์ (ซีรีส์ Westworld), แอนนี่ เมอร์ฟี่ (ซีรีส์ Schitt’s Creek), ชารอน สโตน (Basic Instinct), คุมาล นานจิเอนิ (Eternals) และ เคน จอง (The Hangover) ซึ่งแขกรับเชิญแต่ละคนนั้นจะมารับบทเป็นตัวเอง และทุกคนจะไม่ได้อ่านบทล่วงหน้ามาก่อน ทำให้แขกรับเชิญเหล่านีตัองด้นบทสด ๆ และคาดเดาตัวคนร้ายจากการสังเกตของตัวเอง

ความน่าสนใจของ Murderville คือการที่ซีรีส์ได้ใช้คุณสมบัติของซีรีส์สืบสวน มาผสมผสานใส่มุกซิตคอม และใช้ล๔กเล่นแบบรายการเกมโชว์เข้าไปได้อย่างลงตัว ตัวซีรีส์อัดแน่นไปด้วยมุกตลกเกรียน ๆ โดยเฉพาะตัว วิล อาร์เน็ต ที่เต็มไปด้วยมุกแพรวพราวที่พร้อมปั่นประสาทคนดู และแขกรับเชิญ นอกจากนี้เหล่าตัวละครสมทบในเรื่องต่างก็มีความแปลก ความเกรียน ที่ได้ร่วมสร้างสีสันให้ซีรีส์ไม่น้อย

หนึ่งในส่วนที่ชอบมาก ๆ ของ Murderville คือการที่ซีรีส์ไม่ได้ให้แขกรับเชิญรู้บทของตัวเอง ความสนุกของมันคือการด้นสดที่เป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะการยิงมุกของ วิล อาร์เน็ต ที่แขกรับเชิญไม่ทันตั้งตัว รีแอคที่ได้มันเลยเป็นโมเมนต์ที่น่ารัก ประทับใจ และชวนขำทุกครั้ง นอกจากนี้ การที่ซีรีส์ให้แขกรับเชิญคือคนที่ต้องชี้ตัวคนร้ายเอง ทำให้มันได้สร้างอารมณ์ร่วมกับคนดู คือให้คนดูและแขกรับเชิญ ต้องรับบทนักสืบ ที่ต้องช่างสังเกตในทุกเบาะแสที่ซีรีส์ใบ้ มันเลยทำให้การเดาตัวคนร้าย และสังเกตสิ่งต่าง ๆ คือความบันเทิงที่หาไม่ได้จากซีรีส์สืบสวนเรื่องอื่น ๆ

ถึงกระนั้น Murderville ก็ยังคงมีข้อด้อยบางส่วน ที่ทำให้เสน่ห์ความเป็นหนัง หรือซีรีส์สืบสวนลดลง เนื่องจากเงื่อนไขของความเป็นเกมโชว์ของมัน ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอที่ไม่สมจริง ไม่ธรรมชาติ ความซ้ำซากจำเจในการเล่นมุกตลกเดิม ๆ ที่บางครั้งมันกลับชวนน่าเบื่อไปบ้าง

โดยรวม Murderville เป็นอีกคอนเทนต์ที่คอซีรีส์สืบสวนน่าจะถูกใจไม่น้อย ด้วยความที่ซีรีส์ได้พาคนดู และแขกรับเชิญ ได้ร่วมเป็นนักสืบมือสมัครเล่น ซึ่งแต่ละคดีก็ท้าทายไวพริบไม่น้อย ประกอบกับมุกตลกที่ชวนขำทุกตอน นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เหมาะอย่างยิ่งแก่การรับชมกับครอบครัวหรือแก๊งเพื่อนในยามพักผ่อน

สามารถรับชม Murderville ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง

Categories
series

รีวิว Detective Conan: The Culprit Hanzawa

ผลงานซีรีส์ภาคแยกจากอนิเมะยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ที่ครั้งนี้เป็นการฉีกการเล่าเรื่องด้วยการเปลี่ยนจากการเล่าเรื่องราวการสืบสวนของยอดนักสิบจิ๋ว มาเป็นการเล่าผ่านมุมมองของตัวละคร ฮันซาวะ วายร้ายร่างดำที่อยู่คู่กับซีรีส์ชุดนี้มาเนิ่นนาน และมีตัวละครหลักจากเรื่องโคนันเป็นตัวประกอบของเรื่อง

Detective Conan: The Culprit Hanzawa จะว่าด้วย ฮันซาวะ ชายปริศนาที่เดินทางเข้ามาในเมืองเบกะ เพื่อเข้ามาฆาตกรรมชายคนหนึ่ง แต่ทว่าการวางแผนนี้ก็กลับเต็มไปด้วยอุปสรรค ตั้งแต่การหาหอพัก การหลบหนีตำรวจ และเหล่าโคนัน และผองเพื่อน ซึ่งวิธีการซ่อนตัว หลบหนีของฮันซาวะ ก็เต็มไปด้วยเรื่องเกรียนๆ ชวนขำ และมิตรภาพมากมาย

ตัวซีรีส์มาพร้อมกับเนื้อหาที่สั้นกระชับ ด้วยความยาวเพียงตอนละไม่ถึง 10 นาที เนื้อหาในแต่ละตอนจะมีปนะเด็น มีเรื่องราวจบในตอนที่ต่างกันไป อรรถรสของซีรีส์จะให้อารมณ์เหมือนอ่านการ์ตูนแก๊ก ที่ในแต่ละนาทีแทบจะยิงมุกตลกให้ได้ขำตลอดเวลา โดยที่ยังอิงคอนเซปต์จากเนื้อหาหลักของยอดนักสืบจิ๋วโคนัน

ความพิเศษของ Detective Conan: The Culprit Hanzawa คือการที่ซีรีส์เลือกหยิบมุกตลก ที่เป็นสิ่งที่ยอดนักสิบจิ๋วโคนัน มักโดนล้อ ไม่ว่าจะเป็นการที่เมืองเบกะ เต็มไปด้วยคดีฆาตกรรมเพราะโคนัน หรือการล้อเลียนคาแรคเตอร์ของตัวละครจากภาคหลัก ที่หากใครเป็นแฟนบอยอนิเมะชุดนี้จะต้องชื่นชอบไปกับมุกตลกเหล่านี้ไม่มากก็น้อย

แต่นอกเหนือจากความตลกโบกฮาแล้ว ในซีรีส์ยังสอดแทรกพาร์ทดราม่าเล็กๆ ในซีรีส์ ที่ทำให้เราได้เห็นมุมอ่อนโยน มุมน่ารักของตัวฮันซาวะ ทั้งด้านมิตรภาพ ความเอ็นดูสัตว์ ความกากเกรียนน่าเอ็นดู ที่ไม่เคยได้เห็นจากซีรีส์โคนัน จนทำให้คนดูเปลี่ยนภาพจำของตัวละครนี้ไปโดยสิ้นเชิง

ด้านข้อเสียของซีรีส์ Detective Conan: The Culprit Hanzawa หลักๆ จะเป็นงานภาพ เนื่องจากซีรีส์ไม่ได้ตัว อาโอยาม่า โกโช ผู้เขียนการ์ตูนโคนัน มาร่วมวาดภาพให้ ทำให้ซีรีส์ชุดนี้มีความเป็นงานแฟนเมดซะมากกว่า ที่จะเป็นหนึ่งในผลงานจากซีรีส์ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน

โดยภาพรวม Detective Conan: The Culprit Hanzawa นับว่าเป็นซีรีส์อนิเมะจากจักรวาลโคนัน ที่เต็มไปด้วยความแปลกใหม่ การฉีกภาพจำของการ์ตูนชุดนี้ ที่เล่าเรื่องได้อย่างมีชั้นเชิง มีการเล่นมุกตลกล้อเลียนตัวเองที่เล่นได้สุด ที่หากใครติดตามโคนันมานาน จะต้องชื่นชอบเรื่องนี้ด้วยอย่างแน่นอน

สามารถรับชมซีรีส์ Detective Conan: The Culprit Hanzawa ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: Netflix

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง

Categories
series

รีวิวซีรีส์ Gannibal ซีรีส์ระทึกขวัญ สืบสวน

Gannibal เป็นผลงานซีรีส์ Original Disney+ Hotstar จากประเทศญี่ปุ่น ที่ดัดแปลงมาจากมังงะงานเขียนโดย มาซากิ นิโนมิยะ โดยจะว่าด้วยเรื่องราวของ ไดโกะ อากาวะ (ยูยะ อากิระ) นายตำรวจที่เข้ามารับตำแหน่งในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งเขาได้ย้ายมาพร้อมกับครอบครัว ที่ประกอบไปด้วยภรรยา และลูกสาว

แต่หลังจากที่ย้ายมารับตำแหน่งได้ไม่นาน ไดโกะ ก็ได้พบกับคดีการหายตัวไปของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนก่อนหน้า รวมทั้งเขายังได้พบว่าในหมู่บ้านนี้ได้มีครอยครัวมากอิทธิพลอย่างครอบครัวโกโต ที่มีข่าวลือว่าเป็นครอบครัวที่กินคน และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไดโกะ เลยต้องลงมือสืบคดีนี้ แต่เมื่อยิ่งสืบไปเรื่อยๆ เขาก็พบกับอันตราย และเรื่องดำมึดมากมายที่หมู่บ้านนี้ซ่อนอยู่

Gannibal มาพร้อมการดำเนินเรื่องแบบซีรีส์สืบสวน ระทึกขวัญ โดยจะเน้นการเล่าเรื่องที่มีความสมจริง มีกลิ่นอายของความเป็นฟิล์มนัวร์ ที่ตัวละครจะไม่มีใครเป็นตัวดี หรือตัวร้าย ร้อยเปอร์เซ็นต์ ความน่าสนใจของซีรีส์คือการสร้างบรรยากาศความลึกลับ น่ากลัว ของหมู่บ้านออกมาได้อย่างชวนติดตาม ชวนให้ค้นหาว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

ในแง่ของการสืบสวน ความระทึกขวัญ ซีรีส์ทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม ซีรีส์นำเสนอเหตุการณ์ผ่านมุมมองของตัวละครไดโกะ ที่เป็นคนหาความจริงได้สนุก เข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นการตามล่าหาความจริงแบบไม่หวั่นกลัว รวมทั้งฉากแอ็คชั่นที่สอดแทรกระหว่างเรื่องที่มาพร้อมคิวบู๊สุดเดือด ทำให้ตลอด 7 ตอนของซีรีส์เรื่องนี้แทบไม่มีฉากน่าเบื่อให้ง่วงเหงาหาวนอน

ด้านงานโปรดักชั่นของซีรีส์ ก็เป็นอีกหนึ่งจุดขายของซีรีส์ เพราะใน Gannibal ตัวซีรีส์มีฉากน่ากลัว ฉากสยดสยอง ที่ทำได้อย่างสมจริง โดยเฉพาะการออกแบบฉากกลางคืน ฉากพิธีกรรมต่างๆ ที่เพิ่มอรรถรสความสยองขวัญได้อย่างดีเยี่ยม

ในส่วนของข้อด้อยของซีรีส์ คือการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างกระชับเกินไป ทั้งๆ ที่เนื้อหาของซีรีส์มีดีเทลล์ ที่สามารถเล่าได้มากกว่านี้ แต่ด้วยจำนวนตอนที่น้อยนิด ทำให้ซีรีส์ไม่สามารถโฟกัสทุกแง่มุม ทุกตัวละครได้อย่างเต็มที่ จนทำให้บางตัวละครขาดมิติ ขาดความน่าจดจำไปอย่างน่าเสียดาย

โดยรวม Gannibal เป็นอีกซีรีส์ม้ามืดจากญี่ปุ่น ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพทั้งความโหด ความสยองขวัญ เนื้อหาการสืบสวนที่ชวนติดตาม ตลอด 7 ตอนของซีรีส์เต็มไปด้วยเนื้อหาที่ตื่นเต้น คาดเดาไม่ได้ และไต่ระดับความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ แบบที่คอหนังระทึกขวัญไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง

สามารถรับชมซีรีส์ Gannibal ได้แล้ววันนี้ที่ Disney+ Hotstar

Cr.ภาพ: IMDB

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง

Categories
series

รีวิวซีรีส์ The Glory Part 1

The Glory เป็นผลงานซีรีส์แนวระทึกขวัญจากเกาหลี เรื่องล่าสุดจาก Netflix ที่ยังคงเป็นอีกหนึ่งงานที่หยิบประเด็นยอดนิยมอย่างการบูลลี่ในโรงเรียนมาถ่ายทอด ผ่านวิสัยทัศน์ของผู้กำกับอย่าง กิลโฮอัน (Stranger) และมือเขียนบทอย่าง คิมอึนซุก (Descendants of the Sun) พร้อมได้นักแสดงมากฝีมือของเกาหลีอย่าง ซงเฮเคียว (Descendants of the Sun) มารับบทนำ

เรื่องราวของ The Glory จะว่าด้วย มุนดงอึน (ซงเฮเคียว) หญิงสาวที่ถูกเพื่อนในชั้นเรื่องรุมรังแกอย่างโหดร้าย ทารุณ มาตลอดช่วงชีวิต ม.ปลาย จนเธอเกือบที่จะจัดสินใจคิดสั้น แต่ด้วยความคั่งแค้นที่สะสม ทำให้ ดงอึน เลือกที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป และใช้เวลากว่า 10 ปี ในการวางแผนล้างแค้นอดีตเพื่อนร่วมชั้นที่เคยทำร้ายเธอ ด้วยวิธีที่แยบยล และเลือดเย็น

แม้ว่าพลอต และโครงเรื่องของซีรีส์จะชวนให้นึกถึงหนัง หรือละครแนวล้างแค้นอย่าง “ล่า” ของไทย แต่ทว่า The Glory กลับแตกต่างจากเรื่องดังกล่าว ด้วยการที่เป็นซีรีส์แนวล้างแค้นที่มีมากกว่าการเข่นฆ่า หรือความโหดร้ายเลือดเย็น โดยในซีรีส์ใช้วิธีนำเสนอการล้างแค้นในรูปแบบของการเดินเกมหมากล้อม ที่ตัวละคร ดงอึน จะทำหน้าที่ค่อย ๆ ต้อนให้เหล่าเหยื่อการล้างแค้นของเธอจนมุม ด้วยการวางแผนที่แนบเนียน และเต็มไปด้วยชั้นเชิง

ใครที่หวังจะดูซีรีส์ล้างแค้นเอามันส์ เอาความสะใจแบบเน้น ๆ อาจผิดหวังเล็กน้อย เพราะในตลอด 8 ตอนของ Part 1 ซีรีส์เลือกที่จะดำเนินเรื่องผ่านทั้งเส้นเรื่องของดงอึน และเหล่าตัวละครวายร้ายของเรื่อง ทำให้ซีรีส์ไม่ได้โฟกัสที่การล้างแต้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังพาคนดูไปสำรวจชีวิตของเหล่าตัวละครในเรื่อง ที่แต่ละตัวละครต่างเผชิญชะตากรรมที่แตกต่างกันไป

การเล่าเรื่องของซีรีส์ดำเนินเรื่องออกมาได้ชวนติดตาม ตัวซีรีส์ยังเป็นอีกเรื่องที่หยิบประเด็นยอดนิยมของเกาหลีอย่างการบูลลี่ในโรงเรียน ซึ่งในเรื่องนี้ถ่ายทอดความรุนแรงออกมาได้อย่างถึงอารมณ์ ซีรีส์เต็มไปด้วยฉากรุนแรงที่ชวนสะเทือนใจ ด้วยเหตุนี้ทำให้ซีรีส์สามารถสร้างอารมณ์ร่วมระหว่างคนดู กับตัวละคร ดงอึนได้อย่างดีเยี่ยม รวมถึงทำให้คนดูอยากติดตามต่อไปว่าการล้างแค้นของดงอึน จะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน

ด้านการแสดง ซงเฮเคียว สามารถถ่ายทอดบทบาทของหญิงสาวที่มีบาดแผลได้อย่างดีเยี่ยม เป็นบทที่เธอต้องสลัดลุ้คสาวหวาน สู่หญิงสาวผู้เย็นชาที่พูดน้อยแต่ว่าทุกบทสนทนา และแผนการของเธอกลับเต็มไปด้วยทีเด็ดที่สามารถตรึงคนดูได้อยู่หมัด

โดยรวม The Glory เป็นอีกหนึ่งซีรีส์เกาหลีแนวระทึกขวัญ ที่ทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม และมีความแปลกใหม่กว่าหนังหรือซีรีส์แนวล้างแค้นทั้วไป ด้วยแผนการ และบทสนทนาที่ถ่ายทอดได้อย่างมีชั้นเชิง เต็มไปด้วยการหักมุม และการสับขาหลอกที่เหนือชั้น พร้อมปูทางสู่บทสรุปใน Part 2 ได้อย่างน่าติดตาม

สามารถรับชมซีรีส์ The Glory Part 1 ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: Netflix

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง

Categories
series

รีวิวซีรีส์ Connect ซีรีส์สืบสวน

ผลงานซีรีส์เกาหลีแนวสืบสวน ผสมแฟนตาซี ที่เป็นงาน Original ของ Disney+ ที่รับหน้าที่กำกับโดยมือสร้างหนังสายโหดสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง ทาเคชิ มิอิเกะ (Ichi the Killer) พร้อมได้ทีมนักแสดงเกาหลีมากฝีมือ นำทีมโดย จุงแฮอิน (ซีรีส์ Start-Up), โกคยุงเพียว (ซีรีส์ 1988) และ คิมแฮจุน (ซีรีส์ Kingdom)

Connect จะว่าด้วยเรื่องราวของ ฮาดองซู (จุงแฮอิน) ชายหนุ่มที่ต้องใช้ชีวิตแปลกแยกจากสังคม เนื่องจากเขานั้นคือ ‘คอนเนค’ หรือบุคคลที่มีความสามารถพิเศษที่ร่างกายจะเป็นอมตะ สามารถฟื้นฟูตัวเองได้ ไม่ว่าจะบาดเจ็บรุนแรงแค่ไหน จนกระทั่งวันหนึ่ง ดองซู ได้ถูกกลุ่มนักค้าอวัยวะจับตัวไป แต่ด้วยความสามารถพิเศษของเขาทำให้ ดองซูรอดชีวิตมาได้ แต่ดวงตาข้างหนึ่งของเขาได้ถูกปลูกถ่ายไปให้กับฆาตกรต่อเนื่อง ทำให้ ดองซู มีความสามารถในการมองเห็นเชื่อมต่อดวงตากับฆาตกร ดองซูเลยต้องทำทุกวิถีทางเพื่อตามล่าฆาตกรผู้นี้ และทวงคืนดวงตาของเขากลับมาอีกครั้ง

นับว่าเป็นอีกหนึ่งซีรีส์เกาหลี ที่ยังสามารถหยิบความเป็นแนวสืบสวนสอบสวน อาชญากรรม มานำเสนอได้อย่างน่าสนใจ พร้อมทั้งในเรื่องนี้ยังได้ใส่ความเป็นแฟนตาซีเข้าไปเป็นลูกเล่นของซีรีส์ ที่ทำให้เนื้อหาเต็มไปด้วยลูกเล่นที่ชวนติดตาม และมีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร ซีรีส์มีการเล่นกับฉากโหด ๆ อย่างการผ่าอวัยวะ ฉากการฆ่าที่สยดสยอง โดดเด่นกว่าเรื่องอื่น ๆ โดยเฉพาะ CGI ฉากการเชื่อมร่างกายของ Connect ที่มีความน่าขนลุกขนพอง รวมถึงศพในเรื่องที่มีการออกแบบมาให้ทั้งสวยงาม และน่าสยดสยองในเวลาเดียวกัน ชวนให้นึกถึงการดีไซน์ศพในซีรีส์ Hannibal ไม่น้อย

โดยผู้ชมจะได้พบกับการตามล่า การประชันไหวพริบ ระหว่างชายที่เป็นอมตะ และฆาตกรต่อเนื่อง ที่นอกจากจะเต็มไปด้วยเหตุการณ์ชวนลุ้น ชวนให้เอาใจช่วยแล้ว ยังจะได้สนุกไปกับการสืบสวนสอบสวน  การตามล่าหาความจริงที่เข้มข้นตลอดทั้ง 6 ตอนของซีรีส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างคาแรคเตอร์ของฆาตกรต่อเนื่องในเรื่องนี้ ซึ่งมีคาแรคเตอร์ที่โดดเด่น ทั้งความโหดร้าย เลือดเย็น และมีความฉลาด ไหวพริบที่เหนือกว่าคนทั่วไป ที่ทำให้คนดูรู้สึกยำเกรง และหวาดกลัวตัวละครนี้ได้ไม่น้อย

นอกจากการสืบสวน ระทึกขวัญที่ทำออกมาได้สนุกแล้ว อีกหนึ่งจุดขายของ Connect คือการหยิบประเด็นเรื่องความแปลกแยกของคน มานำเสนอได้ค่อนข้างดี โดยซีรีส์เลือกหยิบตัวละคร ฮาดองซู เป็นเสมือนคนที่ถูกสังคมมองว่าเป็นตัวประหลาด จนถูกสังคมตัดสิน แบบไม่ยุติธรรม จนทำให้ต้องกลายเป็นคนที่โดดเดี่ยว ซึ่งประเด็นนี้ทำให้พาร์ทดราม่าของหนังทำออกมาได้ทรงพลัง และสร้างอารมณ์ร่วมกับคนดู และตัวฮาดองซูได้เป็นอย่างดี

ในส่วนของข้อเสียของซีรีส์ Connect คือการที่ซีรีส์เล่าเรื่องแบบกระชับจนเกินไป ทำให้เนื้อหาส่วนใหญ่ของซีรีส์เลือกโฟกัสไปที่การต่อสู้ของ ฮาดองซู และตัวฆาตกร จนลืมใส่ใจพาร์ทที่ควรจะเป็นการสืบสวนสอบสวน จนทำให้ความสมจริงในด้านนี้ของซีรีส์ดรอปลงอย่างเห็นได้ชัด และทำให้บทหนังบางส่วนดูไม่สมเหตุสมผลไปอย่างน่าเสียดาย

โดยรวมซีรีส์ Connect ก็นับว่าเป็นอีกซีรีส์สืบสวนจากเกาหลี ที่มีเนื้อหาเข้มข้น ที่น่าจะถูกใจคอหนัง หรือซีรีส์แนวนี้ไม่น้อย แม้การสืบสวนจะไม่ได้สมจริง หรือดีงามเหมือนเรื่องอื่น ๆ แต่ด้วยรูปแบบการเล่าเรื่องที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้สามารถมอบความบันเทิงแบบอัดแน่นตลอดทั้ง 6 ตอนได้อย่างดีเยี่ยม

สามารถรับชมซีรีส์ Connect ได้แล้ววันนี้ที่ Disney+ Hotstar

Cr.ภาพ: HanCinema

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง

Categories
series

รีวิวซีรีส์ Tokyo Vice ซีรีส์อาชญากรรมเนื้อหาเข้มข้น

Tokyo Vice เป็นผลงานซีรีส์ร่วมทุนสร้างระหว่างอเมริกา และญี่ปุ่น โดย HBO Max ซึ่งเป็นงานที่ดัดแปลงมาจากชีวิตการทำข่าวของ เจค อเดลสตีน นักข่าวอาชญากรรม สัญชาติอเมริกันที่ได้ไปทำงานในสำนักข่าวญี่ปุ่น ตัวซีรีส์ได้ผู้กำกับสายอาชญากรรมอย่าง ไมเคิล มานน์ (Heat) มาร่วมกำกับในบาง Ep. และร่วมอำนวยการสร้าง

ซีรีส์จะพาเราย้อนไปยังญี่ปุ่นช่วงยุค 90 ที่เป็นช่วงที่ เจค (ในเรื่องรับบทโดย เอนเซล แอลกอท) กำลังสอบเข้าเป็นนักข่าว จนกระทั่งเขาได้รับโอกาสเข้าทำงานในบริษัทหนังสือพิมพ์ชื่อดัง เจค ได้เริ่มไต่เต้า และทำงานในสายข่าว จนกระทั่งเขาได้ทำข่าวอาชญากรรม ที่มันเป็นเรื่องที่โยงไปยังสงครามของสองแก๊งยากูซ่า เจค ได้ใช้ความสามารถในการเป็นนักข่าว หาความจริง และนำมาตีแผ่ โดยเขาได้รับการช่วยเหลือจาก คาตางิริ (เคน วาตานาเบะ) เจ้าหน้าที่ตำรวจรุ่นเก๋า ผู้คลุกคลีอยู่กับวงการยากูซ่ามาเนิ่นนาน แต่ทว่า เจค ก็หารู้ตัวไม่ว่า เขากำลังถลำลึกลงสู่โลกที่เต็มไปด้วยอันตราย

แม้ว่าหนัง และซีรีส์อเมริกัน ที่มีบริบทในประเทศญี่ปุ่น จะมีมาไม่น้อย แต่สำหรับ Tokyo Vice นับว่าเป็นงานที่พูดถึงคนอเมริกันในญี่ปุ่น ออกมาได้โดดเด่น แตกต่างจากเรื่องอื่น ๆ โดยสิ้นเชิง มันเป็นซีรีส์ที่มีส่วนผสมของอาชญากรรม และหนังนักข่าว ที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว พร้อมทั้งยังตีแผ่วัฒนธรรมเอเชีย โดยเฉพาะในด้านดาร์ก ออกมาได้สมจริง และตรงไปตรงมาที่สุดเรื่องหนึ่ง

ช่วงต้นของซีรีส์ เป็นการนำเสนอชีวิตการแข่งขันของคนญี่ปุ่น เริ่มตั้งแต่การแย่งชิงกันเพื่อหางานทำ ไปจนถึงการดิ้นรน แข่งขันกันในองค์กรที่เข้มงวด ก่อนที่ซีรีส์จะค่อย ๆ  โยงเรื่องราวไปสู่โลกอาชญากรรม ซึ่งในเรื่องเราจะได้เห็นชีวิตการทำงานของแต่ละกลุ่มอาชีพ ทั้งถูกกฎหมาย และผิดกฎหมาย ที่ต่างต้องดิ้นรน และมีวงจรที่ไม่ต่างกันนัก ความน่าสนใจคือแทนที่ซีรีส์จะเน้นแอคชั่น หรือระทึกขวัญเหมือนหนังและซีรีส์แนวนี้เรื่องอื่น ๆ Tokyo Vice กลับเลือกพาคนดูไปสำรวจชีวิตของเหล่าผู้คนในเรื่องอย่างค่อยเป็นค่อยไป

สำหรับความเป็นหนังนักข่าวในซีรีส์เรื่องนี้นับว่าทำออกมาได้สนุก ชวนติดตาม ผู้ชมจะได้เห็นการปะติดปะต่อเรื่องราวจากการหาข้อมูลตามที่ต่าง ๆ ที่ค่อย ๆ ไต่ระดับความพีคขึ้นเรื่อย ๆ โดยแก่นของหนังจะพาผู้ชมไปร่วมถลำลึกสู่โลกอาชญากรรมร่วมกับตัวละคร เจค ที่แต่ละตอนตัสละครนี้จะดำดิ่งลงไปเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตามในแง่สปิริตของความเป็นหนังนักข่าวที่ต้องหาความจริง ซีรีส์ก็ยังสะท้อนจุดนี้ออกมาได้อย่างคลเส้นคงวา แม้บางช่วงอาจดูดรอปลงไปบ้างเล็กน้อย

ในพาร์ทอาชญากรรม ตัวซีรีส์ถือว่าตีแผ่ออกมาได้อย่างละเอียด สมจริง และชวนติดตาม ผู้ชมจะได้เห็นวัฒนธรรมต่าง ๆ ของยากูซ่า และการสร้างอิทธิพล ความขัดแย้ง ของเจ้าพ่อรุ่นเก่า และรุ่นใหม่ บางบริบทชวนให้นึกถึง The Godfather ฉบับญี่ปุ่นหน่อย ๆ ด้วยซ้ำ นอกจากสงครามยากูซ่าแล้ว ซีรีส์ยังหยิบประเด็นของการจ่ายสินบน ระบบตำรวจกังฉิน ที่เพิ่มสีสันให้ซีรีส์มีความดาร์ก ความรุนแรงอย่างที่ควรจะเป็น

โดยรวม Tokyo Vice คืออีกซีรีส์อาชญากรรม เนื้อหาเข้มข้นจาก HBO ที่หยิบนำวัฒนธรรมญี่ปุ่น มาถ่ายทอดผ่านมุมมองของตัวละครนักข่าวอเมริกันได้อย่างชวนติดตาม ซีรีส์มีพาร์ทอาชญากรรมที่ดุเดือด รุนแรง และพาร์ทการสืบหาความจริงที่ไต่ระดับความสนุกขึ้นเรื่อย ๆ ใครทีชอบซีรีส์อาชญากรรม เนื้อหาสมจริง นี่เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาด

สามารถรับชมซีรีส์ Tokyo Vice ได้แล้ววันนี้ที่ HBO Go

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes, IMDB

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง

Categories
anime

Kakegurui โคตรเซียนโรงเรียนพนัน อนิเมะ สุดดาร์ก ที่ใช้ศักดิ์ศรีเป็นเดิมพัน!

สำหรับใครที่ชื่นชอบการอ่านหนังสือการ์ตูนและดู อนิเมะ เป็นชีวิตจิตใจ คงจะเคยได้ยินเรื่อง Kakegurui โคตรเซียนโรงเรียนพนัน โดยเรื่องนี้ถือเป็น การ์ตูนอนิเมะ ที่ค่อนข้างลึกลับซับซ้อน และแฝงไปด้วยปมและเรื่องราวต่างๆ มากมาย ซึ่งในวันนี้เราจะมาพูดถึงรายละเอียดและความน่าสนใจของการ์ตูนเรื่องนี้กัน จะสนุกและน่าติดตามแค่ไหนก็ตามมาอ่านไปพร้อมกันเลย

Kakegurui โคตรเซียนโรงเรียนพนัน เป็นแนวเกี่ยวกับอะไร?

• แนวหลักๆ จะเป็นความลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อน

• มีเรื่องราวดราม่าเกี่ยวกับการพนัน เงิน และทุนสังคมนิยม ซึ่งค่อนข้างที่จะซับซ้อน

• เป็นแนวชีวิตเด็กมัธยมที่ต้องคอยแข่งขันแย่งชิงตำแหน่งกัน

• นอกจากนี้ยังมีความดาร์กแฝงอยู่ใน อนิเมะ เรื่องนี้ด้วย

เรื่องย่อ อนิเมะ

การ์ตูน อนิเมะ แนวดราม่า ลึกลับ เรื่องนี้ จะประกอบไปด้วยตัวละครหลัก ดังต่อไปนี้

• ยูเมโกะ จาบามิ นักเรียนใหม่ในโรงเรียนเฮียคะโอ

• ซาโอโตเมะ แมรี่ สาวน้อยนักพนันฝีมือเก่งกาจที่สุด

• เรียวตะ ซุซุอิ

• สึโบมิ

การ์ตูน อนิเมะ เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเรียน Hyakkaou Private Academy ซึ่งเป็นโรงเรียนของพวกชนชั้นสูงที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งนักเรียนทุกคนไม่ได้ถูกตัดสินจากผลของความสามารถทางวิชาการ แต่เป็น “เงิน” ที่ได้มาจากทักษะการเล่นพนัน โดยคนที่มีเงินมากที่สุดและสามารถบริจาคให้สภานักเรียนได้มากที่สุดจะได้อยู่ในอันดับสูงสุดของโรงเรียนแห่งนี้ ในส่วนของคนที่มีเงินน้อยและเป็นหนี้คนอื่นจะกลายเป็น “สัตว์เลี้ยง” ที่ถูกโขกสับอย่างไรก็ได้ในทันที

วันหนึ่ง เรียวตะ ซุซุอิ หนุ่มที่เป็นสัตว์เลี้ยงจากการติดหนี้พนัน แมร์รี ซาโอโตเมะ เขาจึงต้องกลายเป็นคนรับใช้ของแมร์รีแถมยังถูกปฏิบัติเหมือนทาส แต่แล้วหญิงสาวคนหนึ่งก็เข้ามา เธอเป็นเด็กนักเรียนใหม่ ชื่อ ยูเมโกะ จาบามิ และเพียงวันแรกเธอก็สามารถเอาชนะพนันแมร์รีได้หลักหลายล้านเยน นี่จึงทำให้แมร์รีกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของเธอ โดยเป้าหมายต่อไปของเธอก็คือการเอาชนะคณะกรรมการนักเรียนที่ทรงอิทธิพลและควบคุมชีวิตผู้คนในโรงเรียนแห่งนี้ สามารถติดตามรับชมความสนุกของ อนิเมะ Kakegurui โคตรเซียนโรงเรียนพนัน เรื่องนี้กันเลย

ความน่าสนใจของการ์ตูนอนิเมะเรื่องนี้

การ์ตูน อนิเมะ สุดดาร์ก เรื่องนี้ขอบอกเลยว่าเป็นการ์ตูนวัยมัธยมที่ไม่มีความใสซื่อสมวัยเลยสักนิด โดยเรื่องนี้มีทั้งหมดด้วยกัน 12 EP. ซึ่งได้เริ่มออกอากาศฉายเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2017 สำหรับความน่าสนใจของ Kakegurui โคตรเซียนโรงเรียนพนัน เรื่องนี้ คือเป็น อนิเมะ ที่มีเกมพนันหลากหลายซึ่งแต่ละเกมก็จะมีความยากง่ายและความท้าทายที่แตกต่างกันที่ทำให้คนดูตื่นตาตื่นใจ และได้ร่วมลุ้นไปกับการเดินทางของจาบามิ ที่ค่อยๆ ไต่เต้าเอาชนะและมีเป้าหมายคือการโค่นประธานนักเรียนผู้ที่อยู่เบื้องหลังการกดขี่ข่มเหงทั้งหมด

รูปภาพประกอบ : myanimelist.net

รูปภาพประกอบ : otakuliah.com

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง

Categories
manga

รีวิวซีรีส์ Cyberpunk Edgerunners อนิเมชั่นซีรีส์ที่ต่อยอดจากเกมดัง

ผลงานซีรีส์อนิเมชั่นเรื่องล่าสุดจาก Netflix ที่ต่อยอดมาจากเกมดังจากปี 2020 อย่าง Cyberpunk 2077 ที่เป็นการวมทีมสร้างระหว่าง Studio Trigger และ CD Projerk Red ทีมพัฒนาจากเกมนี้ โดยในเวอร์ชั่นอนิเมชั่นนี้จะยังคงเล่าเรื่องราวในเมือง Night City  ที่เป็นเมืองเดียวกับในเนื้อเรื่องเวอร์ชั่นเกม จะว่าด้วย เดวิด เด็กหนุ่มที่เติบโตมาในครอบครัวชนชั้นล่าง ที่วันหนึ่งเขาต้องเสียแม่ไปจากอุบัติเหตุไม่คาดฝัน

เดวิด ถูกกดขี่จากสังคมรอบตัว ทั้งจากสังคมในโรงเรียน และสังคมภายนอกที่พร้อมขับไล่เขา ทำให้เดวิด ได้ตัดสินใจนำ “แซนเดอวิสแทน” อุปกรณ์อาวุธไซเบอร์ที่ใช้ทรงอานุภาพที่แม่ของเขาแอบขโมยมา นำมาเชื่อมต่อกับร่างกายของเขาเอง จนทำให้ เดวิด กลายเป็นคนเหนือมนุษย์ที่มาพร้อมความสามารถที่เคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างรวดเร็ว เดวิด ได้หลงเข้าไปในโลกอาชญากรรม โดบเขาได้รวมทีมกับ ทีมของลูซี่ ที่เป็นกลุ่มอาชญากรที่ทำงานรับจ้างที่ผิดกฎหมาย เพื่อดิ้นรนให้ตนเองสามารถอยู่ในโลกอนาคตที่โสมมนี้

ตัวซีรีส์จะเป็นอนิเมชั้นที่มาพร้อมเนื้อหาที่ไม่ได้ต่อเนื่องจากในเกม เพียงแต่ตัวซีรีส์เลือกใช้เมือง และบรรยากาศแวดล้อมในเรื่องที่อิงจากตัวเกมเป็นหลัก ส่วนเนื้อหาจะเป็นการเล่าในอีกเนื้อเรื่องหนึ่ง ซึ่งคนดูสามารถดูรู้เรื่องแม้จะไม่เคยเล่นเกมมาก็ตาม

จุดเด่นของซีรีส์ Cyberpunk Edgerunners คือการนำเสนอภาพอนิเมชั่นแบบ 2D ที่มาพร้อมภาพที่สีสดงดงาม คาแรคเตอร์ตัวละครมีความเป็นการ์ตูนญี่ปุ่น ผสมกลิ่นอายการเล่าเรื่องแบบตะวันตก ที่เป็นไฮไลท์ของเรื่องนี้คือฉากแอ็คชั่นที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยม ทั้งการเล่นใหญ่กับฉากไล่ล่า ฉากระเบิดที่อลังการงานราวกับหนังใหญ่ หรือความโหด ที่เลือดสาด ไร้ปราณีต่อคนดู ที่ทำให้อนิเมชั่นเรื่องนี้มีความเป็นผู้ใหญ่ ดุดัน และเข้มข้นมาก ๆ

ในส่วนของบท และเนื้อเรื่อง ก็ทำออกมาได้ดีไม่แพ้กัน ตัวซีรีส์มีการหยิบประเด็นเรื่องชนชั้น ความเหลื่อมล้ำทางสังคมมานำเสนอ โดยเฉพาะการพูดถึงคนชายขอบ คนที่ถูกสังคมมองข้าม ที่สามารถสร้างอารมณ์ร่วมกับคนดูได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งยังมีการพูดถึงเรื่องมิตรภาพ การเสียสละ และความรัก ที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว

โดยรวม Cyberpunk Edgerunners ถือว่าเป็นซีรีส์อนิเมชั่นจาก Netflix ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพที่สุดเรื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นงานโปรดักชั่น การดำเนินเรื่อง ที่ชวนติดตาม และครบรสตลอด 10 Ep. ของเรื่อง เป็นอีกหนึ่งงานที่ไม่ควรพลาด ไม่ว่าคุณจะเคยเล่นเกมหรือไม่ก็ตาม

สามารถรับชม Cyberpunk Edgerunner ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: Rotten Tomatoes, IMDB

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง

Categories
manga

รีวิว อนิเมะ Moriarty the Patriot มอริอาร์ตี้ผู้รักชาติ นโปเลียนแห่งโลกอาชญากรรม

เมื่อพูดถึงนักสืบชื่อดังอย่าง เชอร์ล็อก โฮล์ม ทุกคนก็จะนึกถึง ศาสตราจารย์ มอริอาร์ตี้ อย่างแน่นอนเพราะตัวละครทั้งสองเป็นคู่ปรับกันมาแต่ไหนแต่ไร ซึ่งวันนี้เราเลยถือโอกาสหยิบยกเอา นิเมะ เรื่อง Moriarty the Patriot มอริอาร์ตี้ผู้รักชาติ นี้มาฝากเพื่อตอกย้ำความสนุกกันแบบสุดติ่ง และ อนิเมะ เรื่องนี้ที่จะทำให้คุณได้รู้ในอีกแง่มุมหนึ่งของโลกแห่งอาชญากรรม ซึ่งรายละเอียดจะน่าสนใจแค่ไหนรีบตามไปดูกันเลย

Moriarty the Patriot มอริอาร์ตี้ผู้รักชาติ เป็นแนวเกี่ยวกับอะไร?

• เนื้อหาหลักๆ จะเป็นแนวเกี่ยวกับสืบสวน สอบสวน

• เกี่ยวกับอาชญากรรม

• ออกแนวเรื่องราวปริศนาซับซ้อนซ่อนเงื่อน

• มีฉากแอคชั่นร่วมด้วยทำให้มีความน่าตื่นเต้นตลอดเวลาที่ดู

• มีเนื้อหาดราม่าในบางฉากบางตอน

• มีเนื้อหาที่เสียดสีในเรื่องของการเมือง แนวคิด ชนชั้นสังคม การเอารัดเอาเปรียบ ความดีความชั่ว และความถูกต้องในสังคม

เรื่องย่อ อนิเมะ

การ์ตูน อนิเมะ แนวสืบสวนสอบสวน เรื่องนี้ จะประกอบไปด้วยตัวละครหลัก ดังต่อไปนี้

วิลเลี่ยม เจมส์ มอริอาร์ตี้ ลูกชายคนรองของตระกูลมอร์อาร์ตี้ ผู้มีสติปัญญาฉลาดหลักแหลม

• อัลเบิร์ต เจมส์ มอริอาร์ตี้ ลูกชายคนโตของตระกูลมอร์อาร์ตี้ ผู้เป็นทหารอยู่ในกองทัพอังกฤษ

• หลุยส์ เจมส์ มอร์อาร์ตี้ ลูกชายคนเล็กของตระกูลมอร์อาร์ตี้ ผู้ที่ให้ความเคารพวิลเลียมเป็นที่สุด

• เชอร์ล็อก โฮมส์ ยอดนักสืบ ที่ช่วยไขคดีให้ตำรวจสกอตแลนด์ยาร์ดอยู่เสมอ

เรื่องราวได้เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 19 ท่ามกลางยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประเทศอังกฤษกำลังแผ่ขยายอำนาจอย่างยิ่งใหญ่ แต่ทว่าในเบื้องหลังของความก้าวหน้านั้น ก็ได้มีระบบชนชั้นก่อตัวขึ้นทำให้ขุนนางซึ่งมีจำนวนไม่ถึง 3 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดมาปกครองครอบงำประเทศ โดยเหล่าขุนนางยึดครองสิทธิพิเศษและอำนาจต่างๆ ราวกับเป็นเรื่องปกติ

ส่วนชนชั้นล่างที่ต้องหาเช้ากินค่ำก็ต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ระบอบลำดับชนชั้น จนทำให้ วิลเลี่ยม เจมส์ มอริอาร์ตี้ เริ่มเคลื่อนไหวเพื่อที่จะทำลายระบอบชนชั้นที่เน่าเฟะนี้และทำการสร้างประเทศในอุดมคติใหม่ขึ้นมา มอริอาร์ตี้เจ้าแห่งอาชญากร ที่สามารถลวงได้แม้กระทั่ง เชอร์ล็อค โฮล์มส์ ยอดนักสืบ และเขากำลังจะเปลี่ยนโลกใบนี้ด้วยการปฏิวัติใหม่โดยใช้อาชญากรรม!! สามารถติดตามดูเรื่องราวได้ใน อนิเมะ Moriarty the Patriot มอริอาร์ตี้ผู้รักชาติ เรื่องนี้กันเลย

ความน่าสนใจของการ์ตูน อนิเมะ เรื่องนี้

สำหรับการ์ตูน อนิเมะ แนวสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้มาจากผลงาน มังงะ ของอาจารย์ Ryousuke Takeuchi และวาดภาพประกอบโดยอาจารย์ Hikaru Miyoshi ที่ได้ดัดแปลงจากผลงานบทประพันธ์นักสืบชื่อดังอย่าง Sherlock Holmes ของ Arthur Conan Doyle แต่เป็นการตีความและนำมาเล่ามุมมองใหม่ๆ จากศัตรูคู่ปรับอย่างเจ้าแห่งที่ปรึกษาอาชญากรรมอย่าง ศาสตราจารย์วิลเลี่ยม เจมส์ มอร์อาร์ตี้ โดยอนิเมะ Moriarty the Patriot มอริอาร์ตี้ผู้รักชาติ เรื่องนี้มีทั้งหมด 24 ตอน กำกับโดย Kazuya Nomura และได้เริ่มฉายทางทีวีเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2020  สำหรับใครที่ชื่นชอบการ์ตูนแนวซับซ้อนซ่อนเงื่อนแบบนี้ล่ะก็ ห้ามพลาดเชียวล่ะ

รูปภาพประกอบ : โอตาคุแว่นผู้หนึ่ง.com

รูปภาพประกอบ : readawrite.com

รูปภาพประกอบ : twitter.com/afterrab

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง

Categories
series

รีวิวซีรีส์ Blockbuster ซีรีส์คอเมดี้ ดราม่า

ผลงานซีรีส์คอเมดี้จาก Netflix ที่ทำมาเพื่อรำลึกถึงร้านเช่าวีดีโออันโด่งดังอย่าง Blockbuster ซึ่งซีรีส์ได้ วาเนสซ่า รามอส มือสร้างซีรีส์จาก Blooklyn Nine-Nine มารับหน้าที่สร้างสรรค์ นำทีมแสดงโดย แรนดัล พาร์ค (ซีรีส์ WandaVision), เจบี สมูฟ (Spider-Man: Far From Home), เมลิสซ่า ฟูเมอโร (ซีรีส์ Blooklyn Nine-Nine) และไทเลอร์ อัลวาเรซ (ซีรีส์ Orange is the New Black)

เนื้อหาของซีรีส์ Blockbuster จะว่าด้วยร้านเช่าวีดีโอชื่อเดียวกับเนื้อเรื่อง ที่เป็นสาขาสุดท้ายบนโลก ซึ่งมีผู้จัดการเป็น ทิมมี่ (แรนดัล พาร์ค) ที่ต้องเผชิญเรื่องราววุ่น ๆ มากมายจากเพื่อนร่วมงาน และลูกค้าจอมป่วน ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องหาทางปรับตัวให้ร้านวีดีโอแห่งนี้สามารถคงอยู่ต่อไปได้ ท่ามกลางยุคที่รูปแบบการดูหนังของผู้คนเปลี่ยนไปจากเดิม

ตัวซีรีส์มาพร้อมสไตล์แบบเดียวกับ Blooklyn Nine-Nine ที่จะพาคนดูไปสำรวจเรื่องราวของกลุ่มคนทำงาน ซึ่งครั้งนี้เป็นการพาคนดูไปสำรวจชีวิตของพนักงานร้านเช่าวีดีโอ เนื้อหาของซีรีส์จะมาพร้อมสูตรซีรีส์คอเมดี้ ที่มีเนื้อหาจบในตอน และนำเสนอความสัมพันธ์ต่าง ๆ ของตัวละคร ที่มีทั้งความตลก ความวายป่วง รวมถึงความอบอุ่น ฟีลกู้ด

ซึ่งในซีรีส์ Blockbuster จะมีเนื้อหาส่วนใหญ่เน้นไปที่พาร์ทดราม่า ความสัมพันธ์ของตัวละคร ที่ในแต่ละตอนจะมีประเด็นที่ต่างกันไป ทั้งความรักของพ่อลูก มิตรภาพระหว่างเพื่อนร่วมงานด้วยกัน และเรื่องราวความรัก ที่มีทั้งสุข และทุกข์ โดยระหว่างเรื่องจะมีพาร์ทคอเมดี้ มาเป็นส่วนเสริมให้ซีรีส์มีความเบาสมอง ฟีลกู้ด

น่าเสียดายที่ทั้ง ๆ ที่ซีรีส์มีส่วนประกอบของความเป็นเนิร์ดหนังอยู่ในเนื้อหาชัดเจน ที่น่าจะถูกใจคอหนัง แต่ซีรีส์ Blockbuster กลับล้มเหลวในพาร์ทดังกล่าว เมื่อซีรีส์ไม่สามารถหยิบความเป็นเนิร์ดหนังมาใช้งานได้ แต่กลับไปโฟกัสที่เนื้อหาดราม่าแทน จนทำให้คอหนังที่อาจคาดหวังที่จะเห็นวัฒนธรรมเช่าวีดีโอหนังในซีรีส์เรื่องนี้ กลับต้องผิดหวัง ในขณะที่การเล่าเรื่องของซีรีส์ก็ไปไม่สุดสักทาง ไม่ว่าจะเป็นพาร์ทดราม่า หรือคอเมดี้ ที่ซีรีส์เล่าได้จืดชืด และเป็นสูตรสำเร็จจนเกินไป

Blockbuster นับว่าเป็นอีกหนึ่งซีรีส์น่าผิดหวังแห่งปี 2022 อีกเรื่อง ซีรีส์ไม่สามารถหยิบความเป็นวัฒนธรรมร้านเช่าวีดีโอ หรือความเป็นเนิร์ดหนังมาเล่าได้เต็มที่เท่าควร ทำให้ซีรีส์ไม่สามารถเล่าเรื่องได้สุดสักทาง จนกลายเป็น 10 ตอน ที่พอดูได้เพลิน ๆ ไม่ได้มีอะไรน่าจดจำ

สามารถรับชมซีรีส์ Blockbuster ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: IMDB

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง

Categories
series

รีวิวซีรีส์ Kamen Rider Black Sun ผลงานฉลองครบรอบ 50 ปีคาเมน ไรเดอร์

Kamen Rider Black Sun เป็นซีรีส์ที่ทำมาเพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 50 ปี ของ Kamen Rider ที่เป็นการนำตัวละคร Kamen Rider Black กลับมาเล่าอีกครั้งในบริบทที่แตกต่างจากเดิมด้วยเนื้อหาที่มีเรท 18+ ที่มีเนื้อหา และฉากที่รุนแรง พร้อมได้นักแสดงนำอย่าง ฮิเดโตชิ นิชิจิม่า (Drive My Car) มารับบท แบล็คซัน

เรื่องราวของ Kamen Rider Black Sun จะว่าด้วยญี่ปุ่นที่ได้มีการอาศัยอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์ และไคจิน หรือผู้คนที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดได้ ซึ่งความแปลกประหลาดของไคจินนี่เอง ก็ทำให้เกิดกลุ่มคนที่พยายามขับไล่ ไคจินให้ออกจากสังคม จนเกิดเป็นความขัดแย้งทางการเมือง เหตุการณ์ในเรื่องเริ่มขึ้นเมื่อ อาโออิ (โคโคโระ ฮิราซาวา) เด็กสาวที่ออกมาเรียกร้องความเท่าเทียมให้ไคจิน แต่เธอกลับถูกเหล่าพรรคโกลกอม กลุ่มไคจินที่หวังทำลายโลก พยายามลักพาตัวเธอเพื่อใช้หินวิเศษที่อยู่กับตัวเธอนั้น ในการปลุกพลังของผู้นำไคจิน ให้กลับมาทรงพลังอีกครั้ง คนเดียวที่จะปกป้องอาโออิ ได้นั้นคือ แบล็คซัน (ฮิเดโตชิ นิชิจิม่า) มาช่วยปกป้องเธอจากเหล่าไคจินวายร้าย

สื่งที่ทำให้ซีรีส์​​ Kamen Rider Black Sun มีความโดดเด่นกว่าซีรีส์แนวไอ้มดแดงเรื่องอื่น ๆ คือการเป็นซีรีส์ที่เปลี่ยนรูปการเล่าเรื่องให้ออกมาเป็นซีรีส์เนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่อย่างเต็มตัวที่ โดยจะมีเนื้อหาที่พูดถึงการเมือง สิทธิมนุษยชน ความรุนแรง โหดร้าย ที่จะถูกเล่าเป็นเส้นเรื่องหลัก ดังนั้นแม้ว่าภาพรวมของซีรีส์จะยังเป็นการต่อสู้ของผู้ดี และผู้ร้าย แต่บริบทแวดล้อมกลับมีมิติที่น่าสนใจ และสามารถผูกโยงเรื่องราวได้อย่างยอดเยี่ยม

ในด้านฉากแอ็คชั่นของซีรีส์ ยังคงไว้ซึ่งเสน่ห์ของหนังประเภท Kamen Rider ที่มีฉากแปลงร่าง ฉากต่อสู้ที่มีความเท่แบบไอ้มดแดง แต่เพิ่มเติมคือความรุนแรงที่ซีรีส์ทำออกมาได้ค่อนข้างสุดมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นฉากเลือด ๆ และวิธีการฆ่าที่โหดร้าย เลือดเย็น รวมถึงความไร้ปราณีของเนื้อเรื่องที่เต็มไปด้วยความตาย โศกนาฎกรรม ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ไม่เหมาะสำหรับเด็กอย่างยิ่ง

ด้านการเล่าเรื่องของ Kamen Rider Black Sun ตัวซีรีส์จะเล่าเรื่องโดยใส่อีสเตอร์เอ้กโยงไปยังซีรีส์ Kamen Rider Black อยู่บ้าง ทำให้ใครที่เป็นสาวกซีรีส์แนวนี้น่าจะชื่นชอบกับการเชื่อมโยงเนื้อหาของเรื่องนี้อย่างแน่นอน แต่กระนั้นหากใครที่ไม่ได้ตามซีรีส์ชุดนี้มาก่อนก็ยังสามารถดูซีรีส์ชุดนี้รู้เรื่องเช่นกัน เพราะเนื้อหาจะมีการอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดของเรื่องผ่านสองไทม์ไลน์

จุดด้อยของ Kamen Rider Black Sun คือการที่ซีรีส์พยายามรักษามาตรฐานความเป็นหนังไอ้มดแดงคลาสสิกจนเกินไป จนทำให้มาตรฐานงานโปรดักชันของซีรีส์ออกมาธรรมดา ชุดแปลงร่างของตัวละครที่ดูเป็นชุดยางที่ดูไม่เนียนตา และบางครั้งออกมาดูไม่น่าเกร็งขาม และดูตลกเกินไปอย่างน่าเสียดาย

โดยรวม Kamen Rider Black Sun เป็นงานที่คอซีรีส์ไอ้มดแดงน่าจะชื่นชอบ เพราะตลอด 10 ตอนของซีรีส์เรื่องนี้เต็มอิ่มด้วย กลิ่นอายของซีรีส์ไอ้มดแดงที่ทุกคนคุ้นเคย พร้อมเพิ่มเติมความเข้มข้นแบบซีรีส์ผู้ใหญ่ ที่มีความดุดัน ไร้ปราณี ใครที่ชอบซีรีส์สายโหด ๆ แอ็คชั่นดุเดือนแบบ The Boys นี่คืออีกหนึ่งซีรีส์ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

สามารถรับชมซีรีส์ Kamen Rider Blac Sun ได้แล้ววันนี้ที่ Prime Video

Cr.ภาพ: Prime Video

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง

Categories
series

รีวิวซีรีส์ The Bear ซีรีส์ดราม่าเนื้อหาเข้มข้น

The Bear เป็นผลงานซีรีส์แนวดราม่าจากช่อง FX ที่เป็นผลงานการสร้างสรรค์โดย คริสโตเฟอร์ สโตร์เรอร์ โดยเนื้อหาของซีรีส์จะว่าด้วย คาร์เมน (เจเรมี่ อัลเลน ไวท์) เชฟหนุ่มมากฝีมือ ที่ได้กลับมารับหน้าที่เป็นผู้ดูแลร้านอาหารของครอบครัว ณ เมืองชิคาโก โดยในแต่ละวันเขาจะต้องเผชิญกับความวุ่นวาย และปัญหาต่าง ๆ ที่เขา และทีมเชฟภายในร้านจะต้องร่วมกันรับมือกับปัญหาเหล่านั้น

ความน่าสนใจของซีรีส​ The Bear คือการนำเสนอเนื้อหาของซีรีส์ที่มีความกระชับ ด้วยความยาวในแต่ละตอนประมาณ 30 นาทีเท่านั้น โดยเนื้อหากว่า 70 % ของซีรีส์เรื่องนี้เป็นการดำเนินเรื่องภายในห้องครัวเป็นหลัก ซึ่งผู้ชมจะได้เห็นบรรยากาศที่สุดแสนจะวุ่นวาย และเต็มไปด้วยเรื่องราวต่าง ๆ

แม้ว่าตัวซีรีส์จะเล่าเรื่องที่เน้นไปที่ห้องครัวเป็นหลัก และเป็นแนวดราม่า ว่าด้วยร้านอาหาร แต่ The Bear สามารถนำเสนอเรื่องที่ดูสุดแสนจะธรรมดานี้ให้ออกมาสนุก น่าติดตาม ผู้ชมจะได้เห็นสงครามประสาทระหว่างทีมเชฟภายในร้านที่เต็มไปด้วยการด่าทอ ถกเทียง และสานสัมพันธ์มิตรภาพต่าง ๆ ซึ่งฉากเหล่านี้เป็นเสมือนไฮไลท์สำคัญของหนัง ราวกับฉากแอ็คชั่นอันดุเดือดในหนังฟอร์มยักษ์ ที่ผู้ชมจะได้ร่วมลุ้น ร่วมเอาใจช่วยกับตัวละครเพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น

นอกจากฉากในห้องเชฟที่ทำออกมาได้สนุกเข้มข้นแล้ว ในด้านไฮไลท์ที่หนัง หรือซีรีส์แนวเชฟ ควรมีอย่างการนำเสนอเมนูอาหารต่าง ๆ ให้คนดูชวนหิว แม้ว่าในซีรีส์ The Bear จะไม่ได้โฟกัสที่เมนูอาหารมาก แต่ทุกเมนูที่ปรากฏในซีรีส์ ก็นำเสนอออกมาได้น่าทาน และสามารถหยิบลายเซ็นของหนัง หรือซีรีส์อาหาร มาถ่ายทอดได้อย่างสมจริง

ด้านการแสดงต้องขอชื่นชมทีมนักแสดงนำ ที่ต่างถ่ายทอดบทบาทตนเองออกมาได้อย่างถึงอารมณ์ และมีเคมีการแสดงที่ลงตัวมาก ๆ ด้านบทบาทของ เจเรมี่ อัลเลน ไวท์ ที่ได้แบกซีรีส์ทั้งเรื่องเอาไว้ เขาสามารถถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละคร คาร์เมน ที่มีความพูดน้อยต่อยหนัก และเต็มไปด้วยฉากอารมณ์ที่ดุเดือด เช่นเดียวกับ อีบอน มอส-บาชราช ที่เป็นอีกนักแสดงที่ถ่ายทอดบทอารมณ์ได้ถึงอารมณ์ไม่แพ้กัน เคมีของทั้งสองเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในส่วนที่ทรงพลังที่สุดของหนังเรื่องนี้ก็ว่าได้

โดยรวม The Bear เป็นงานซีรีส์ดราม่าเปี่ยมคุณภาพอีกเรื่องแห่งปี 2022 ที่สามารถหยิบความเป็นซีรีส์แนวอาหารมานำเสนอได้อย่างสนุก ครบรส และเล่าเรื่องได้ถึงพริกถึงขิง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมของทีมนักแสดง วิธีการเล่าเรื่องที่ชวนติดตามไม่น่าเบือ มีความสมจริงในการนำเสนอ ใครที่เป็นคอซีรีส์ดราม่าคุณภาพ ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

สามารถรับชมซีรีส์ The Bear ได้แล้ววันนี้ที่ Disney+ Hotstar  

Cr.ภาพ: IMDB

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง

Categories
series

รีวิวซีรีส​ Reboot

Reboot เป็นซีรีส์คอเมดี้ ดราม่า ผลงานโดย Hulu ที่ได้มือ สตีเวน เลอวิแทน เจ้าของผลงานซีรีส์ฟีลกู้ดอย่าง Modern Family มารับหน้าที่สร้างสรรค์ โดยเนื้อหาจะว่าด้วยเรื่องราวของทีมสร้างซีรีส์จาก Hulu ที่ได้วางแผนที่จะนำซีรีส์ซิทคอมที่เคยโด่งดังเมื่อปี 2000 กลัมมารีบูทอีกครั้ง โดยได้ทีมนักแสดงชุดเดิมกลับมาทำงานร่วมกันในรอบสิบกว่าปี

แต่ทว่าการกลับมาในครั้งนี้ กลับเต็มไปด้วยเรื่องวุ่น ๆ มากมาย ทั้งความสัมพันธ์ของเหล่านักแสดงที่เติบโตขึ้น และความขัดแย้งต่าง ๆ ของทีมงานเบื้องหลัง ที่พวกเขาและเธอจะต้องร่วมกันแก้ไขเพื่อให้ซีรีส์ชุดนี้กลับมาสร้างชื่ออีกครั้ง

ความสนุกของซีรีส์เรื่องนี้ ก็ยังคงมาตามสูตรของซีรีส์คอเมดี้ ที่จะเน้นไปที่การพูดถึงชีวิตวุ่น ๆ ปนตลกของชีวิตผู้คน โดยในเรื่องนี้ซีรีส์เลือกที่จะนำเสนอเบื้องหลังของวงการซีรีส์ ภาพยนตร์ ของฮอลีวูด ที่เต็มไปด้วยกระบวนการ และปัญหาต่าง ๆ มากมาย ซึ่งซีรีส์ได้หยิบประเด็นทุกขึ้นตอนการสร้างซีรีส์ มาถ่ายทอดได้อย่างละเอียดสมจริง ตั้งแต่ขั้นตอนการคิดสร้างสรรค์ ไปจนถึงการถ่ายทำ ที่น่าจะถูกใจใครที่ชอบหนังที่ว่าด้วยเบื้องหลังวงการบันเทิง

ตัวซีรีส์จะมีเนื้อหาที่มีประเด็นที่จบในตอน และบางเนื้อหาที่เชื่อมโยงไปสู่ตอนต่อไป โดยมุกตลกที่เป็นจุดเด่นของซีรีส์ชุดนี้ก็คือการเล่นมุกของเบื้องหลังวงการ ที่เล่าออกมาได้อย่างถึงพริกถึงขิง ตั้งแต่การแซะ Disney ที่ทำการซื้อ Fox หรือมุกตลกที่หยิบประเด็นร่วมสมัยอย่าง LGBTQ+ มาเป็นส่วนช่วยให้การเล่าเรื่องเปี่ยมด้วยสีสัน และมีความเข้ากับยุคสมัย

นอกจากพาร์ทคอเมดี้ที่ทำออกมาได้ตลก และพาร์ทเบื้องหลังวงการบันเทิงที่ทำออกมาได้อย่างสนุกชวนติดตามแล้ว Reboot ก็ยังเป็นซีรีส์ที่นำเสนอพาร์ทดราม่าออกมาได้ดีเยี่ยมไม่แพ้กัน ซีรีส์สามารถหยิบคาแรคเตอร์ตัวละครมาใช้งานให้ออกมามีมิติ และมีประเด็นของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นดราม่าครอบครัว มิตรภาพระหว่างเพื่อนร่วมงาน และความรัก โรแมนติก ที่ซีรีส์เล่าพร้อมสออดแทรกมุกได้กลมกล่อมลงตัว

โดยรวม Reboot เป็นซีรีส์คอเมดี้ ดราม่า น้ำดีอีกเรื่องที่เล่าเรื่องได้อย่างสนุก ครบรส ไม่ว่าจะเป็นพาร์ทตลกที่เล่าได้ร่วมสมัย เคล้าดราม่าที่มีหลากหลายประเด็น ตัวละครแต่ละตัวที่น่าจดจำ ใครที่ชอบซีรีส์ หรือหนังที่สะท้อนภาพเบื้องหลังวงการฮอลีวูด นี่เป็นอีกเรื่องที่คอซีรีส์ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

สามารถรับชมซีรีส์ Reboot ได้แล้ววันนี้ที่ Disney+ Hotstar

Cr.ภาพ: IMDB

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง

Categories
anime

รีวิวซีรีส์ Lookism อนิเมะจากเกาหลี

ผลงานอนิเมะ Original Netflix ที่ดัดแปลงมาจาก webtoon ชื่อเดียวกัน โดยเวอร์ชั่นซีรีส์ถูกสร้างสรรค์โดย คังเฮย์ชุล ที่เคยมีผลงานอนิเมะอย่าง The Witcher: Nightmare Offerman the Wolf โดยเรื่องนี้เป็นงานแรกที่เขารับหน้าที่กำกับอย่างเต็มตัว

Lookism จะว่าด้วยเรื่องราวของ พัคฮยองซอก เด็กนักเรียนร่างอ้วน ที่มักถูกเพื่อนร่วมชั้นรังแก และไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมเพียงเพราะเรื่องหน้าตา จนกระทั่งเขาได้ตัดสินใจย้ายไปยังโรงเรียนใหม่เพื่อหวังเจอสังคมใหม่ ๆ หลังจากนั้นไม่นาน ฮยองซอก ก็ได้รับพรวิเศษ

ที่ทำให้เขาได้มีร่างเพิ่มขึ้นมาเป็นร่างหนุ่มหล่อ ที่เขาสามารถสลับร่างผ่านการนอนหลับ หลังจากนั้น ฮยองซอกก็ได้ใช้ร่างหนุ่มหล่อในการเข้าสังคม หาเพื่อนฝูง และมันก็ทำให้เขาได้พบกับความจริงของสังคมที่ตัดสินคนเพียงเพราะรูปร่าง หน้าตา

ตัวเนื้อหาของ Lookism จะมาพร้อมการดำเนินเรื่องแบบอนิเมะไฮสคูล ผสมความเป็นแก๊งสเตอร์ และมีความแฟนตาซีเป็นส่วนเสริมให้การเล่าเรื่องน่าสนใจ เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ของซีรีส์จะเป็นการพาคนดูไปสำรวจสังคมการบูลลี่ในโรงเรียน ตั้งแต่การทำร้ายร่างกาย การไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม ซึ่งเมื่ออยู่ในรูปแบบภาพการ์ตูน มันได้ช่วยให้ความรุนแรงต่าง ๆ ดูซอฟต์ลง

ตัวซีรีส์สามารถสร้างความรู้สึกร่วมระหว่างคนดู กับตัวละครฮยองซอก ตั้งแต่นาทีแรกได้เป็นอย่างดี ผ่านการนำเสนออุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิตที่ตัวละครเผชิญ ในแต่ละตอนนอกจากจะพูดถึงเรื่องประเด็นการบูลลี่แล้ว ในเรื่องยังสอดแทรกประเด็นชนขั้น ค่านิยมต่าง ๆ ที่ถูกวิพากษ์ในเนื้อหาแต่ละตอนได้อย่างดีเยี่ยมในแบบที่ไม่ดูเป็นการพยายามสั่งสอนคนดูมากเกินไป แต่ภาพและเนื้อหาของอนิเมะจะพาคนดูได้รู้สึกตกตระกอนทางความคิดตามเนื้อเรื่อง

งานภาพของซีรีส์ค่อนข้างทำออกมาได้ดี ไม่ว่าจะเป็นลายเส้นการออกแบบหน้าตาของตัวละคร โดยเฉพาะตัวละคร ฮยองซอก เวอร์ชั่นหล่อ ที่ถูกออกแบบหน้าตาให้ดูมีเสน่ห์ เป็นประกายในแทบทุกฉากที่ปรากฎตัว รวมถึงการสร้างสรรค์ฉากแอ็คชั่น ที่ทำได้ดุเดือด เมามันส์ กว่าที่คาดไว้

เรียกได้ว่า Lookism เป็นอนิเมะที่มีดีมากกว่าแค่ความบันเทิง ที่ดูเอาสนุกเท่านั้น แต่ในเนื้อหายังสามารถหยิบประเด็นที่คุ้นเคยกันดีของสังคมเกาหลี รวมถึงหลาย ๆ ที่อย่างเรื่องการบูลลี่ การเหยียดรูปร่าง หน้าตา มาถ่ายทอดได้ตรงไปตรงมา หลายฉากหนังสามารถมอบแง่คิดให้กับคนดูได้อย่างชาญฉลาด นับว่าเป็นอีกอนิเมะน้ำดีในปีนี้ ที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

สามารถรับชมอนิเมะ Lookism ได้แล้วันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: Netflix

ลิงก์ตัวอย่าง: https://youtu.be/UheuSEJuOVI

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง

Categories
series

“Monstrous (2022)” ความลี้ลับอันขนหัวลุกจาก “พระพุทธรูปโบราณ” สุดสยอง

                ถ้าพูดถึงพระพุทธรูป…เราจะต้องนึกถึงพระพุทธรูปที่เพิ่มความรุ่งเรือง ให้สิริมงคลแก่ชีวิต แต่ถ้าพระพุทธรูปองค์นั้นกลับสร้างความบรรลัยไส้ไก่ขึ้นมาล่ะ เราจะทำยังไง ซึ่งซีรีส์เรื่อง “Monstrous” เป็นซีรีส์แกะกล่องใหม่แห่งปี 2022 ที่เรื่องราวเกี่ยวกับการค้นพบพระพุทธรูปโบราณ ที่ใครๆ ต่างเชื่อกันว่า…จะต้องเป็นสมบัติของชาติอย่างแน่นอน

แล้วถ้าสมบัติของชาติชิ้นนี้กลายเป็น “ผนึกแห่งความเลวร้าย” เรื่องเลวร้ายตามมาอย่างแน่นอน หากความเลวร้ายเหล่านั้นหลุดออกจากพระพุทธรูปนี้ขึ้นมาล่ะ ถ้าตัดมาที่ประเทศไทยคงจะไม่รู้ว่า…ระหว่างทัวร์ลงกับวินาศสันตะโร ควรกลัวอันไหนก่อน

                “จองกีฮุน” ค้นหาปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติที่แปลกประหลาดในฐานะนักโบราณคดี แต่คดีที่ไม่คาดฝันทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป ตอนนี้เขาโด่งดังจนได้รับการตีพิมพ์ลงในนิตยสารไสยศาสตร์ Monthly Strange Story และเปิดช่อง YouTube Monthly Strange Story เพราะอดีตภรรยาของเขา “ลีซูจิน” เขาจึงไปที่จินยาง เพื่อศึกษา “Gwibul” ซึ่งเป็นเศียรพระพุทธรูปโบราณที่ถูกฝังลึกมาหลายร้อยปี แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าที่พระพุทธรูปนี้มีวิญญาณชั่วร้ายเข้าสิง ที่นั่นเขาต้องเผชิญกับปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัวอย่างไม่น่าเชื่อ

                เมื่อตรวจสอบข้อมูล และหลักฐานที่บันทึกไว้จะเห็นอักขระบางอย่างในพระพุทธรูป ชาวบ้านมีพฤติกรรมแปลกๆ คล้ายอาการ “อุปทานหมู่” และอาการ “ผีสิง” รวมถึงวัดวาอารามในจินยาง พระสงฆ์ในวัดต่างผวากันสุดขีด เมื่อการค้นพบพระพุทธรูปนั้น นำไปสู่ความสยองขวัญอย่างไม่คาดคิดว่าจะต้องเจอ

ในขณะเดียวกัน “ลีซูจิน” เคยถอดรหัสตัวอักษรและสัญลักษณ์ในฐานะนักโบราณคดี เธอทำงานได้อย่างดีเยี่ยม แต่ลูกคนเดียวของเธอเสียชีวิต แล้วเธอก็ไปเทศมณฑลจินยาง ที่นั่นลีซูจินประสบปรากฏการณ์ลึกลับ ซึ่งทำให้เธอต้องค้นหาคำตอบว่า…ในพระพุทธรูปนั้น มันมีอะไรซ่อนอยู่

และความลี้ลับที่ยากจะค้นหาคำตอบ มันทำให้คนในเมืองจินยางต่างอยู่ไม่สุขเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านในละแวกนั้น รวมถึง “ฮันซอกฮี” หัวหน้าสถานีตำรวจหญิง กับ “ฮันโดคยอง” ลูกชายของเธอ ที่ต้องผวากับสิ่งที่มองไม่เห็น ผู้ว่าการของจินยาง  “ควอนจองซู” และคนที่คอยสร้างปัญหาของเรื่องอย่าง “กวักยองจู” ต้องเผชิญกับปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดอย่างไม่น่าเชื่อ

                จากทั้งเมืองที่อยู่อย่างสงบสุข ความน่าสะพรึงกลัวที่มีคำเตือนเป็น “อีกาดำ” ทำให้ทั้งเมืองปกคลุมไปด้วยความน่ากลัวที่ไม่มีใครพิสูจน์ความสยองเหล่านั้นได้เลย จุดนั้นเองจะทำยังไง เพื่อหยุดความเลวร้ายก่อนที่จะบานปลายไปมากกว่านี้ ซึ่งซีรีส์ “Monstrous” เริ่มฉายในวันที่ 29 เมษายนเป็นตอนแรกทาง TVING แค่ตอนแรกออกมาก็สนุกแล้ว หลังจากนั้นจะสนุกแค่ไหน อยากให้ลองติดตามกันเลยทีเดียว

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง

Categories
anime

รีวิวซีรีส์อนิเมะ Mieruko-chan: อนิเมะแนวสยองขวัญ คอเมดี้

Mieruko-chan หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Girl That Can See It เป็นผลงานซีรีส์อนิเมะที่สร้างจากมังงะของ อิซูมิ โทโมกิ ที่จะว่าด้วยเรื่องราวของ เมรูโกะ สาวน้อยมัธยมปลายที่วันหนึ่งเธอได้พบว่าตนเองนั้นมีความสามารถในการเห็นวิญญาณตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งวิญญาณที่เธอเห็นแต่ละตนนั้นก็จะมาพร้อมหน้าตา รูปลักษณ์ที่น่ากลัวต่างกันไป

แต่ความพิเศษของ เมโกะ คือเธอเลือกใช้วิธีรับมือกับปัญหานี้ด้วยการแสร้งว่าตนเองนั้นมองไม่เห็นวิญญาณเหล่านั้น เพื่อหวังว่าวิญญาณที่เธอเห็นจะไม่คอยไล่ตามหลอกหลอน หรือร้ายเธอ และคนรอบข้าง ซึ่ง เมรุโกะ ต้องอดกลั้น และพยายามเก็บความสามารถนี้เป็นความลับ เพื่อไม่ให้ใครต้องเผชิญเรื่อเลวร้ายจากสิ่งเหนือธรรมชาติเหล่านี้

ความสนุกของ Mieruko-chan คือการที่อนิเมะมีการใช้วิธีการผสมผสานความเป็นอนิเมะน่ารัก ๆ ขวัญใจสาว ๆ หรือชาวโอตาคุ มารวมเข้ากับการ์ตูนสยองขวัญ สไตล์ อิโต้ จุนจิ ซึ่งส่วนผสมดังกล่าว มันทำให้อนิเมะเรื่องนี้ มีเนื้อหาที่แตกต่าง และโดดเด่นกว่าอนิเมะ หรือซีรีส์สยองขวัญเรื่องอื่น ๆ

ในเนื้อหาผู้ชมจะได้บันเทิงไปกับวิธีการรับมือสารพัดวิธีของ เมรูโกะ ที่มันทั้งตลก อึดอัด และน่าสงสารเธอไปด้วยในเวลาเดียวกัน ซีรีส์มีการสร้างสถานการณ์จำเพาะต่าง ๆ เช่น การเจอวิญญาณในสถานที่สาธารณะ การที่บางครั้งเห็นวิญญาณเหล่านั้นภายในห้องนอน หรือห้องน้ำในบ้านของธอเอง โดยแต่ละตอน ก็จะค่อย ๆ มีการยกระดับเลเวลความเฮี้ยน ความน่ากลัวของวิญญาณในเรื่องมากขึ้นด้วยเช่นกัน

ในด้านลายเส้น เรียกได้ว่าทำออกมาได้ค่อนข้างสวย ทั้งการดีไซน์ตัวละครผู้หญิง ที่มีความน่ารัก ผสมเซ้กซี่ โดยระหว่างเรื่องอนิเมะเรื่องนี้จะมีการเล่นกับฉากวาบหวิวของตัวละครเพื่อมาเพิ่มสีสันให้ซีรีส์มีความน่าติดตาม แต่อีกหนึ่งไฮไลท์ของอนิเมะเรื่องนี้คือ การสร้างสรรค์วิญญาณแต่ละตนให้ออกมาดูน่ากลัว สยดสยอง ราวกับอยู่ในซีรีส์ของ อิโต้ จุนจิ ที่มีการหยิบตำนานความเชื่อเรื่องวิญญาณของญี่ปุ่น มาใช้เป็นลูกเล่นในการเล่าเรื่องได้อย่างดีเยี่ยม

โดยรวม Mieruko-chan เป็นอนิเมะที่มาพร้อมพลอตที่ฉีกกรอบของอนิเมะสยองขว้ญ ด้วยการผสมผสานกับความเป็นคอเมดี้ และดราม่าเล็ก ๆ ที่ทำออกมาได้กลมกล่อมลงตัว นอกจากความน่ากลัวของวิญญาณในเรื่องแล้ว ในอนิเมะก็ยังสร้างสรรค์คาแรคเตอร์ตัวละครหญิงออกมาได้น่ารัก มีเสน่ห์ จนเราอยากติดตามเอาใจช่วยพวกเธอไปจนจบเรื่อง

สามารถรับชมซีรีส์อนิเมะ Mieruko-chan ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

Cr.ภาพ: Netflix

อัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์ และติดตามผ่าน Page Facebook ที่ รวมพลคนบันเทิง