Categories
series

รีวิวซีรีส์ Sweet Tooth

ซีรีส์ผจญภัยในโลก Post-Apocalypse ที่เปี่ยมไปด้วยความฟีลกู้ด เคล้าด้วยดราม่าชั้นดี พร้อมทั้งสะท้อนความโหดร้ายของมนุษย์ได้อย่างสะเทือนอารมณ์

Sweet tooth
Sweet tooth

Sweet Tooth เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ม้ามืดของ Netflix ที่ได้ร่วมมือกับ Warner Bros. Television โดยเป็นการดัดแปลงมาจากคอมิคชื่อเดียวกันของ DC ที่สร้างสรรต์โดย เจฟฟ์ เลอเมียร์ โดยซีรีส์จะว่าด้วยเรื่องราวของโลกมนุษย์ที่ล่มสลาย เนื่องจากมนุษยชาติได้ล้มตายจากโรคระบาดปริศนา

เป็นจำนวนมาก ในขณะที่มนุษย์กำลังใกล้จะสูญพันธุ์นั่นเอง ก็ได้มีสิ่งมีชีวิตอีกกลุ่มที่รอดชีวิตจากโรคระบาดนี้ นั่นคือกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่า “ไฮบริด” ที่เป็นเด็ก ๆ ที่มีร่างกายผสมผสานระหว่างมนุษย์ และสัตว์

เหตุการณ์ในซีรีส์จะเริ่มต้นหลังจากที่โลกเกิดโรคระบาดได้ 10 ปี เมื่อ กัส (คริสเตียน คอนเวอร์รี่) ไฮบริดที่มีร่างกายเป็นมนุษย์กวาง ที่อาศัยอยู่กับพ่อของเขาในป่าลึกเพียงสองคน จนกระทั่งวันหนึ่งพ่อของกัส ก็ได้ตายจากการปกป้องเขา

Sweet Tooth
Sweet Tooth

จากกลุ่มคนที่ตามล่าไฮบริด ทำให้หลังจากนั้น กัส ที่ถูกทิ้งเพียงลำพัง ก็ได้พบว่ามีรูปของหญิงคนหนึ่งที่เขาเชื่อว่าเป็นแม่ของตน กัส เลยตัดสินใจออกจากบ้านเพื่อเดินทางตามหาหญิงสาวในรูป โดบเขาก็ได้พบกับ เจพเพิร์ด (นอนโซ อะโนซี) อดีตนักอเมริกันฟุตบอลที่พบกับ กัสโดยบังเอิญ ด้วยความที่ต่างคนต่างเป็นคนที่โดดเดี่ยว อ้างว้าง ทั้งสองเลยกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน และร่วมผจญภัยฝ่าฟันอันตราย และเรียนรู้มิตรภาพมากมายจากการเดินทางครั้งนี้

โดยซีรีส์นั้นจะเล่าเรื่องราวแบ่งออกเป็น 3 เส้นเรื่องด้วยกัน โดยเส้นเรื่องหลักคือการผจญภัยของ กัส และผองเพื่อน ส่วนเส้นเรื่องที่ 2 คือเรื่องราวของ เอมี่ (ดาเนีย รามิเรซ) หญิงสาวที่รอดชีวิต และอาศัยอยู่ในสวนสัตว์ร้างกับ เวนดี้ (นาเลดี เมอร์เรย์) ไฮบริดในร่างของเด็กหญิงที่มีหน้าตาคล้ายหมู

Sweet Tooth
Sweet Tooth

และเส้นเรื่องที่ 3 เรื่องราวของ สองสามีภรรยาครอบครัว สิงห์ ที่เป็นคุณหมอ และอาศัยอยู่ในชุมชนย่านคนรวย ที่ยังรอดชีวิตจากโรคระบาด ซึ่งแม้ว่าเกือบตลอดทั้งซีซั่นทั้ง 3 เส้นเรื่องจะดูไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน แต่ทุกอย่างจะค่อย ๆ เชื่อมโยงเหตุการณ์ มาสู่เรื่องเดียวกันในท้ายซีซั่น

แม้ว่าหน้าตาของ Sweet Tooth จะดูเหมือนซีรีส์เยาวชนทั่วไปแบบที่เราเคยดู The Lord of the Rings หรือ Harry Potter แต่ทว่าความเป็นจริงซีรีส์เรื่องนี้แอบแฝงไปด้วยความดาร์คกว่าที่คิดไว้พอสมควร เนื่องจากเนื้อหาหลัก ๆ ของซีรีส์ไม่ใช่การเติบโตผ่านวัยของ กัส เพียงอย่างเดียว

แต่แก่นลึก ๆ ของเรื่องนี้คือการพูดถึงโลก Post-Apocalypse ที่ผู้คนได้เปลี่ยนแปลงจากที่เคยอยู่ร่วมกัน ทุกคนค่างต้องการเอาตัวรอด และสิ่งใดที่แปลกจากพวกเขา (อย่าง ไฮบริด หรือคนที่ติดโรคระบาด) คือวายร้าย หรือสิ่งแปลกปลอมที่ต้องกำจัดทิ้ง ตลอดทั้งเรื่องในซีรีส์นอกจากเราจะได้เห็นมิตรภาพของการผจญภัยของเด็ก ๆ แล้ว เราจะได้เห็นความโหดร้ายของจิตใจมนุษย์ที่ต้องการเอาชีวิตรอด ไปพร้อม ๆ กัน

Sweet Tooth
Sweet Tooth

ในด้านพาร์ทผจญภัย แม้จะไม่ใหม่ แต่ซีรีส์ก็ถือว่าทำออกมาได้ดี โดยในช่วงต้นเรื่อง ซีรีส์ได้มีการวางมิติตัวละคร กัส และ เจพเพิร์ด ออกมาได้โดดเด่น ชัดเจน ทำให้ตั้งแต่ในตอนแรกที่เราได้เห็นทั้งสองตัวละครนี้ เราสามารถจดจำคาแรคเตอร์ทั้งสองได้ในเวลาไม่นาน

จากนั้นหนังก็ค่อย ๆ โยนเหตุการณ์ต่าง ๆ เข้ามาเป็นสีสัน ทำให้เราได้เห็นมิตรภาพ และอยากเอาใจช่วยสองตัวเอกนี้ไปตลอดจนจบซีซั่น แน่นอนว่าระหว่างทางของการเดินทาง ก็มีทั้งพาร์ทดราม่า คอเมดี้ ที่ชวนให้เราได้คล้อยตามอยู่ตลอดเวลา เรียกได้ว่าเป็นพาร์ทที่มีหัวจิตหัวใจ และอัดแน่นด้วยความบันเทิงหลากอรรถรส ที่สุดของซีรีส์ชุดนี้

อย่างไรก็ตามแม้ว่า Sweet Tooth จะเป็นงานที่ดัดแปลงมาจาก DC แต่ซีรีส์เรื่องนี้ก็หาใช่แนวซุปเปอร์ฮีโร่ หรือแฟนตาซีแบบอลังการงานสร้างไม่ เพราะด้วยความที่ซีรีส์ค่อนข้างหนักดราม่า ทำให้ตลอดทั้งเรื่องของ Sweet Tooth มีฉากแอคชั่นที่ค่อนข้างน้อยมาก ตลอดทั้งเรื่องหนังจะเน้นการเล่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร และการผจญภัย

Sweet tooth
Sweet tooth

ใครที่หวังดูเพื่อเสพฉากต่อสู้แบบเวอร์วัง หรือฉากต่อสู้ของคนเหนือมนุษย์ที่น่าตื่นตาตื่นใจอาจต้องผิดหวัง แต่กระนั้นฉากแอคชั่นที่น้อยมาก ๆ ของซีรีส์เรื่องนี้ ก็ต้องขอชื่นชมที่มันถูกใส่มาได้ถูกจังหวะ ถูกเวลา ทำให้มันได้เป็นอีกหนึ่งสีสันที่ช่วยเติมเต็มอรรถรสได้อย่างดี

ในด้านข้อเสียของซีรีส์เรื่องนี้ คงไม่มีอะไรมากนอกจากปัญหาเดิม ๆ ของซีรีส์ Netflix ที่มักสร้างซีรีส์ที่จบไม่เคลียในซีซั่น เพื่อหาโอกาสโยงไปยังซีซั่นต่อ ๆ ไป เช่นเดียวกับใน Sweet Tooth ที่ในซีซั่นแรกนี้ ถูกสร้างมาเพื่อเป็นปฐมบทของเรื่องราวเท่านั้น ตลอดทั้งเรื่องซีรีส์ได้ตั้งคำถามกับคนดูไว้เยอะมาก โดยเฉพาะในส่วนของที่มาของเรื่องราว รวมถึงความสัมพันธ์ของตัวละครที่ยังไม่เคลียร์ในหลาย ๆ ส่วน ท้ายที่สุดซีรีส์ก็จบแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ แล้วทิ้งความทุกข์ทรมานให้กับคนดู ที่ต้องทนรอซีซั่นต่อไปที่ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่

โดยรวม Sweet Tooth ถือว่าเป็นอีกซีรีส์น้ำดีของ Netflix ที่มีดีทั้งการถ่ายทอดการผจญภัยของเด็ก ที่ชวนติดตาม น่าประทับใจ รวมถึงการเป็นหนังที่สะท้อนภาพความน่ากลัวของมนุษย์ในยามที่ต้องเอาชีวิตรอดออกมาได้อย่างน่าสะพรึง สำหรับใครที่ชอบซีรีส์ที่มีบทดี ๆ ตัวละครน่าจดจำ เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่อยากแนะนำเป็นอย่างยิ่ง

แต่สำหรับใครที่กลัวว่าจะดูแล้วต้องเสียอารมณ์กับการจบแบบค้างคา อาจรอให้ซีรีส์มีซีซั่นต่อ ๆ ไป แล้วค่อยดูรวดเดียวก็ได้ เพราะเนื้อหาของซีรีส์ไม่มีอะไรที่ต้องเลี่ยงสปอยล์มากนัก

Sweet Tooth

สามารถรับชม Sweet Tooth ซีซั่น 1 ได้แล้ววันนี้ที่ Netflix

ติดตามอัพเดทซีรีส์น่าดู และมาแนะนำ รีวิว series ทั่วทุกมุมโลกผ่าน series-nime.com กันทุกสัปดาห์

Cr.ภาพ: IMDB